หลอนยาไล่ตีทั้งหมู่บ้าน สาหัส 1 พบรื้อบ้านทั้งหลังขายซื้อยาเสพ ยอมนอนเต็นท์

(10 มี.ค.68) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.จินดารัตน์อายุ 51 ปี ว่าลูกชายถูกคนหลอนยาบ้าในหมู่บ้านทำร้ายจนกะโหลกร้าว ดั้งหัก เลือดคลั่งในสมอง อาการสาหัส รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ และอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหา เพราะชาวบ้านทั้งหมู่บ้านหวาดผวาไม่กล้าไปแจ้งความเกรงจะถูกทำร้าย

จากการตรวจสอบพบว่าชายคลั่งดังกล่าวชื่อนายธนา หรือม่อน อายุ 31 ปี มีประวัติเคยโดนคดียาเสพติดมาก่อน พ่อแม่อยู่ด้วยไม่ได้ต้องหนีไปทำงานต่างจังหวัด อาศัยอยู่บ้านคนเดียว

และจากการตรวจสอบที่บ้านของนายม่อน พบว่าบ้านถูกรื้อออกมาทั้งหมด มีไม้ที่ถูกรื้อมากองอยู่บางส่วน ไม่เว้นหลังคาห้องน้ำถูกรื้อออกไป มีเพียงเต็นท์ปิกนิกกางไว้บริเวณบันไดทางขึ้นบ้าน 1 หลัง แต่บรรยากาศโล่งเพราะตัวบ้านเหลือเพียงกำแพงปูนชั้นล่างเท่านั้น 

น.ส.จินดารัตน์ ผู้ร้องเรียน เล่าว่า เมื่อวันนที่ 8 มี.ค. 68 นายม่อน เจอลูกชายระหว่างทางในหมู่บ้าน ลงมือทำร้ายลูกชายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยไม่มีเหตุผล ตอนนี้อาการลูกยังไม่พ้นขีดอันตราย 

น.ส.จินดารัตน์ เล่าด้วยว่า นายม่อนเป็นบุคคลอันตรายประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่กล้าสบตาเวลาเดินสวนกัน เพราะเกรงจะถูกทำร้าย ที่ผ่านมาผู้หญิงในหมู่บ้านโดนทำร้ายมาแล้ว แต่ชาวบ้านไม่กล้าแม้จะไปแจ้งความเพราะกลัวเป็นอันตรายหากนายม่อน รู้ว่าใครเป็นคนไปแจ้งความ ต้องอยู่แบบผวาทั้งหมู่บ้าน พอมาเจอกับตัวเองยอมไม่ได้เพราะทำเกินไป จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาแก้ไขปัญหาของชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้

ด้าน น.ส.จินตนา อายุ 54 ปี เล่าว่าก่อนหน้านี้พ่อแม่อยู่ด้วย แต่หนีออกจากบ้านไปแล้วเพราะกลัวลูกชายทำร้าย ส่วนลูกชายไม่มีงานทำ งัดหลังคาสังกะสีไปขายทีละนิด ลามรื้อตัวบ้านชั้นบน รื้อหน้าต่างประตู เอาไปขายซื้อยาบ้ามาเสพ

นายจินตนา เล่าด้วยว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น เสา 12 ต้นมีเฟอร์นิเจอร์ครบแต่ตอนนี้ไม่เหลือซาก ไม่เว้นห้องน้ำสำหรับขับถ่ายของตัวเองยังรื้อหลังคาไปขายเป็นของเก่า โชคดีที่ผนังห้องน้ำเป็นปูน ถ้าขายได้คงไม่เหลือ

ต่อมา พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.คูเมือง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปตามจับกุมนายม่อน ได้ที่บ้านพักนำมาสอบสวน โดยนายม่อนให้การกับตำรวจว่า สาเหตุที่รื้อบ้านเพราะมอดกินบ้าน ส่วนเรื่องการทำร้ายชาวบ้านเพราะเขามาหาเรื่องก่อน โดยเฉพาะคนที่บาดเจ็บสาหัสพยายามจะอนาจารตนจึงสั่งสอน

ทั้งนี้จากการสอบประวัติพบเคยต้องคดีลักทรัพย์และยาเสพติด เบื้องต้นตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสพยา ซึ่งต้องรอผลอาการของผู้บาดเจ็บก่อนว่าหนักแค่ไหน