"ช่อ"พรรณิการ์ ร่วมถก กมธ.ความมั่นคง ซัดเพจ“เจ๊จุก คลองสาม” IO กองทัพ

"ช่อ"พรรณิการ์ ร่วมถก กมธ.ความมั่นคง ซัดเพจ“เจ๊จุก คลองสาม” IO กองทัพ

77301 พ.ค. 68 18:36   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

"ช่อ"พรรณิการ์ ร่วมถก กมธ.ความมั่นคง ซัดเพจ“เจ๊จุก คลองสาม” IO กองทัพ ด้าน โฆษกกองทัพบก สวนกลับน่าจะเป็นฝ่ายสื่อมวลชนมากกว่า

(1พ.ค.68) น.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่ปรึกษากมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก "Pannika Chor Wanich" ระบุว่า สรุปสาระสำคัญจากที่ประชุมกมธ. ความมั่นคง กรณีกองทัพทำปฏิบัติการข่าวสารและอาชญากรรมออนไลน์โจมตีประชาชน นักวิชาการ นักการเมือง 

ผู้มาชี้แจงวันนี้ประกอบด้วยตัวแทนจากหลายหน่วยงาน ทั้งกองทัพบก กอ.รมน. กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้รับบทหนักในวันนี้ ได้แก่ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พลตรีธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. 


1.พลตรีวินธัยยืนยันว่าการที่พลเอกธรรมนูญ วิถี นั่งตำแหน่งรองผอ. ศูนย์ปฏิบัติการร่วม (ศปก.ร่วม) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีเอกสารระบุว่าควบคุมสั่งการงานโจมตีทางไซเบอร์ ทั้งที่เกษียณอายุไปตั้งแต่ปี 2564 เป็นเรื่องปกติ เพราะศปก.ร่วม เป็นหน่วยงานที่มีหลายองค์กรทำงานร่วมกัน 


2.ทั้งกองทัพบก เรือ อากาศ ยืนยันว่ากองทัพไม่มีปฏิบัติการไอโอโจมตีผู้อื่น มีเพียงการประชาสัมพันธ์กองทัพ พลตรีวินธัยอธิบายว่า ส่วนหนึ่งของงานสารนิเทศด้านความมั่นคงของกองทัพ คือการแก้ไขความเข้าใจผิดเมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลทางลบเกี่ยวกับกองทัพหรือสถาบันหลักของชาติ โดยในสไลด์นำเสนอ ได้ยกตัวอย่างเพจ “Lue History - ฤา” เมื่อกล่าวถึงงานด้านการประชาสัมพันธ์ตอบโต้ข้อมูลเชิงลบเกี่ยวกับสถาบัน 


กมธ. จึงถามว่า พลตรีวินธัยรับว่าเพจลือ เป็นเพจที่กองทัพจัดทำหรือจ้างวาน ใช่หรือไม่ พลตรีวินธัยปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการจ้าง แต่เพจลือ และอีกหลายเพจ นำเสนอเนื้อหาและแนวคิดตรงกับกองทัพ เป็นการสนับสนุนกันโดยธรรมชาติ และเมื่อขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ เพจเหล่านี้ก็มักให้ความร่วมมือลงเนื้อหาให้ 


3.สส.ปิยรัฐ จงเทพ ตั้งคำถามถึงแอ็กเคานต์ “เจ๊จุก คลองสาม” ว่าเหตุใดแอ็กเคานต์นี้จึงเคยปรากฏบนจอ LED ของบก.ทบ. และดิฉันได้ให้ข้อมูลเพิ่มว่า The Citizen Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยปฏิบัติการข่าวสาร/การโจมตีทางไซเบอร์ของมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ระบุชัดว่าตรวจสอบพบว่า “เจ๊จุก คลองสาม” เป็นปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ของหน่วยงานรัฐไทยที่ทำงานมาตั้งแต่สิงหาคม 2020 และหลายครั้ง 


แอ็กเคานต์นี้ได้โพสต์ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นที่สามารถมีได้ เช่น ทะเบียนรถพร้อมชื่อเจ้าของรถ ข้อมูลวัคซีนในหมอพร้อม ภาพถ่ายบัตรประชาชน ภาพถ่ายจากกล้องตม. ตอนตรวจพาสปอร์ตเข้า/ออกเมือง รวมถึงรายละเอียดไฟลต์บินพร้อมเลขพาสปอร์ตของผู้โดยสาร 


ดิฉันได้นำข้อมูลจาก สส.ชยพล สท้อนดี ที่เป็นเอกสารจากภายในกองทัพเอง เนื้อหาระบุหัวข้อว่า ขบวนการสร้างกระแสบนโซเชียลมีเดียฝ่ายสนับสนุน ซึ่งปรากฏชื่อเพจบุคคลและแฟนเพจชื่อดังจำนวนมากซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีแนวทางทางการเมืองอนุรักษ์นิยม และโจมตีกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกล้มเจ้า จาบจ้วงสถาบัน ชังชาติ โดยเอกสารดังกล่าวยังระบุว่า กองทัพสามารถติด/ประสานให้แอ็กเคานต์เหล่านี้โพสต์ตามที่กองทัพต้องการได้ 


ดิฉันจึงตั้งคำถามว่า การที่เพจลือ เพจเจ๊จุก คลองสาม และเพจบุคคลอีกจำนวนหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อมูลส่วนบุคคลของดิฉัน เพื่อนร่วมงาน และนักวิชาการ ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน ทั้ง พรบ.คอมฯ และ PDPA เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กองทัพเรียกว่า “ให้ความร่วมมือลงเนื้อหาให้” หรือไม่ 


พลตรีวินธัยปฏิเสธว่าไม่เคยส่งข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ให้เพจเหล่านี้ และไม่รู้จักกับเจ้าของแอ็กเคานต์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เจ๊จุก คลองสาม มีลีลาการเขียนที่ไม่ใช่คนของหน่วยงานกองทัพ น่าจะเป็นสื่อมวลชนมากกว่า 


4.พลตรีธรรมนูญ ระบุว่า เอกสารประมาณการภัยความมั่นคงของกอ.รมน. ห้วงเดือนตุลาคม 67- กันยายน 68 ที่ สส.ชยพลนำมาเปิดเผย ซึ่งปรากฏชื่อคุณทักษิณ คุณอนุทิน และคุณธรรมนัส ในรายชื่อผู้แอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์จากสถาบัน เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ผู้จัดทำเอกสาร ที่ใส่หัวข้อผิด ในความเป็นจริงหัวข้อควรเป็นการรายงานสถานการณ์การเมืองโดยทั่วไป ส่วนข้อความในเอกสาร เป็นการรวบรวมข่าวสารจาก open source ทั่วไป ประกอบการใช้ social listening ในการหาข้อมูล ไม่ใช่เรื่องลับอะไร 


สส. ชยพล จึงเปิดเอกสารประมาณการภัยความมั่นคงของกอ.รมน. ในปีก่อนหน้า คือ 66-67 ในหัวข้อ 4.1.2.1 ปรากฏว่าเป็นหัวข้อเดิม คือบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์จากการแอบอ้างสถาบัน ปรากฏชื่อพลตำรวจเอก ส. (หรือที่รู้จักในชื่อ บิ๊ก จ.) และ 4.1.2.2 ก็เป็นหัวข้อเดิม คือผู้มีเจตนาและทัศนคติเป็นปฏิปักษ์กับสถาบัน โดยบุคคลที่อยู่ในหัวข้อนี้ ในปี 2566-2567 คือนายพิธา พอมาปี 2567-2568 เปลี่ยนเป็นนายณัฐพงษ์ ตามการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค จึงน่าสงสัยว่าเอกสารผิดพลาดในหัวข้อเดียวกันทุกปีได้อย่างไร และหากผิดจริง ได้มีการสอบสวนเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่จัดทำ และพลโทวณัฐ ลักษณสิริ ผู้อำนวยการสำนักการข่าว กอ.รมน. ซึ่งเป็นผู้ลงนามรับรองเอกสารหรือไม่ 


ดิฉันถามต่อไปว่า หากเอกสารนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจาก open source เหตุใดในข้อ 4.1.2.4 ที่ระบุถึงการเฝ้าติดตามเพจจาบจ้วงสถาบัน จึงปรากฏชื่อเพจพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีประชาชนสนับสนุนมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เพราะการ search ใน google ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีทางได้ข้อมูลว่าเพจพรรคก้าวไกลเป็นเพจจาบจ้วงสถาบันแน่ๆ 


ประเด็นนี้ทางพลตรีธรรมนูญยังยืนยันว่า เป็นการทำเอกสารผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับทราบว่า เอกสารชุดนี้เป็นเอกสารของ กอ.รมน. จริง 


กล่าวโดยสรุป กองทัพได้ยอมรับว่ามีปฏิบัติการข่าวสาร ที่เรียกว่า Strategic Communication (SC) และติดตามเป้าหมายนักวิชาการ นักการเมือง รวมถึงตัวดิฉันเอง เป็นการมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้ชี้แจงในประเด็นที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อองค์กร หรือที่เรียกว่าปฏิบัติการขาว แต่ไม่รับว่ามีปฏิบัติการดำ โจมตีทางไซเบอร์ ติดตามตัว ใส่ร้ายด้อยค่า ทั้งที่เอกสารที่กรรมาธิการมี ระบุชัดเจนถึงปฏิบัติการทั้งแบบขาวและดำในเอกสารชุดเดียวกัน


ปล. ประโยคที่อาจจะบรรยายภาพบรรยากาศการซักถามในกรรมาธิการวันนี้ได้ดีที่สุด มาจากทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พูดขำๆ ว่า “ผมโชคดีมากที่ไม่ใช่วินธัย”


ที่มา : เพจ Pannika Chor Wanich


ข่าวเวิร์คพอยท์23

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat