เจ้าของงง? เปิดร้านอาหารตำรวจและเรียกรับเงินเดือนละ 1 พันบาท แลกไม่ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พอปฏิเสธโดนลงตรวจถี่ยิบ
เจ้าของงง? เปิดร้านอาหารตำรวจและเรียกรับเงินเดือนละ 1 พันบาท แลกไม่ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พอปฏิเสธโดนลงตรวจถี่ยิบ

เจ้าของงง? เปิดร้านอาหารตำรวจและเรียกรับเงินเดือนละ 1 พันบาท แลกไม่ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พอปฏิเสธโดนลงตรวจถี่ยิบ ด้านผู้การอยุธยาฯ สั่งตั้งคณะกรรมสอบสวน ยันหากผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นกฎหมาย ระเบียบวินัยของข้าราชการ
(6 พ.ค.68) จากกรณีเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ได้นำคลิปเสียงที่คุยโทรศัพท์ ซึ่งปลายอ้างตัวเป็นสารวัตร มีการ พูดคุยในลักษณะ โทรมาเจรจาขอเก็บเดือนละ 1,000 บาท ทุกเดือน เพื่อแลกกับการที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่มาตรวจรบกวน ในคลิปมีการพูดถึง ท่านผู้การจังหวัด มีพวกนักบินที่เป็นหน่วยของนู่นนี่นั่น ต้องดูแลหน่วยเฉพาะกิจ และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งใช้เวลาคุยกันสักพัก ทางชายที่อ้างตัวเป็นสารวัตร ก็ให้ข้อเสนอค่าตู้แดง 500 บาทและของสารวัตร 1,000 บาท ซึ่งปลายสายที่เป็นผู้จัดการร้าน จึงแจ้งว่าเดี๋ยวขอคุยกับเพื่อนก่อน เพราะต้องใช้เงินร้าน
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านดังกล่าว ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหาร ขายยำ ทุกเมนู 79 บาท มีดนตรี ตั้งอยู่ภายในซอยหมู่บ้านช้างอโยธยา ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พบกับ นางสาวนุ่น อายุ 33 ปี หุ้นส่วนและผู้จัดการร้าน เล่าว่า ตนเองกับเพื่อนได้มาเปิดร้านอาหาร ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2567 ร้านเปิด 17.00 - 24.00 เป็นร้านอาหาร ขายยำ ทุกเมนู 79 บาท มีดนตรีโฟล์คเดี่ยว เล่นถึง 21.30 น. ครัวปิด 23.00 น. และมีการขออนุญาตถูกต้อง มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา
กระทั่งช่วงกลางเดือนมกราคม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจที่ร้าน ขอดูใบอนุญาตในการค้าขาย ซึ่งตนเองก็ให้ดู ตามปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ได้มีชายซึ่งอ้างตัวเป็นสารวัตรโทรเข้ามา จากนั้นก็พูดคุยถึงเรื่องการเปิดร้านและเรียกขอเก็บในราคา 1,000 บาท ตนเองมีการพูดคุยต่อรองว่ามีคนร้องเรียนหรือ มีอะไรจะให้หนูทำยังไง ซึ่งทางชายดังกล่าวที่อ้างตัวเป็นสารวัตรก็อธิบาย ตามคลิปโดยให้เหตุผลว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาลงนั้นเป็นชุดลูกน้องของตนเอง ซึ่งส่งให้มาลงตรวจ จากนั้นก็อธิบายว่าหากมีการจ่ายก็จะหลีกเลี่ยงหากมีอะไรเกิดขึ้น ตนเองจึงพยายามพูดคุยและปรึกษากับเพื่อน จึงให้อัดคลิปและบันทึกเสียงไว้ ตนเองมองว่าร้านของตนเองเป็นร้านอาหารทั่วไป ไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราะมีการอนุญาตค้าขายปกติ
จนกระทั่งตนเองและเพื่อนไม่ยินยอมจ่ายเงินให้กับชายที่อ้างตัวเป็นสารวัตร มักจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจ หน่วยงานของรัฐเข้ามาตรวจที่ร้านของตนเองบ่อยๆ ตนเองมองว่าเป็นลักษณะของการถูกกลั่นแกล้ง เพราะตนเองไม่ยอมจ่าย การที่เจ้าหน้าที่พากันมาตรวจที่ร้านของตนเองนั้นไม่ธรรมดาพากันมามากกว่า 20 คน มีทั้งรถตู้ รถกระบะ รวม 5 คัน และเมื่อมาลงตรวจในร้าน นำไฟฉายมาส่องลูกค้า มาขอดูบัตรประชาชนของลูกค้า มองว่าไม่สมควรและไม่เหมาะสม เพราะเราเป็นร้านอาหาร เนื่องจากร้านเป็นแค่ร้านอาหารธรรมดาไม่ใช่เป็นผับเป็นบาร์ที่จะต้องมาตรวจบัตรประชาชน แต่เราก็ไม่เถียงเพราะเราไม่รู้จะสู้กับคนมีศรียังไง
ด้าน นายพุฒิพงษ์ อายุ 33 ปี เจ้าของร้าน เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน และก็มีการตรวจสอบและยืนยันว่าบุคคลในคลิปเสียงนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ท่านผู้กำกับ สภ.พระนครศรีอยุธยาทราบเรื่องแล้ว ท่านให้ข้อมูลว่ามีคำสั่งด่วน ตั้งกรรมการสอบตำรวจท่านนี้แล้ว แต่หลังจากที่ตนเองได้ไปร้องเรียนก็มีความรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ 20 – 30 นาย มาลงตรวจที่ร้าน
โดยให้เหตุผลว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ ตนเองมองว่าการประชาสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องนำกำลังมามากมายขนาดนี้และก็มาขอตรวจสอบบัตรประชาชนของลูกค้าในร้าน ทำให้ลูกค้าของแตกตื่นและตกใจ และไม่กล้ามานั่งที่ร้านอาหารอีก
ทำให้ช่วงนี้ร้านของตนเอง ลูกค้าหดหายไป เนื่องจากมีเจ้าที่หน้าที่มาลงตรวจบ่อยทำให้เป็นการลิดรอนสิทธิลูกค้าจนไม่มีใครอยากมานั่ง เหตุการณ์ดังกล่าวที่ตนเองนำลงโพสต์โซเชียลก็แค่อยากจะถามว่าทำแบบนี้ได้เหรอ ร้านตนเองไม่ได้ทำผิดอะไรก็นำกำลังมาตรวจค้นร้านแบบนี้
ล่าสุด พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เผยว่า หลังจากทราบเรื่อง ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2668 จึงได้ลงนามคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยันหากกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของขบวนการกฎหมาย ระเบียบวินัยของข้าราชการ
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดล้อมจับหญิงวัย 50 รับพัสดุซุกยาบ้า ก่อนขยายผลพบอีกล็อตในบ้านเครือข่ายตัวจริงที่เกาะลันตา ยึดยาบ้ารวม 40,000 เม็ด
