กทม.เตรียมแผนรับมือฝุ่น "PM 2.5" ห้าม 6 ล้อเข้า 22 พื้นที่ชั้นใน

กทม.เตรียมแผนรับมือฝุ่น "PM 2.5" ห้าม 6 ล้อเข้า 22 พื้นที่ชั้นใน

36129 ต.ค. 67 18:46   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เช็กที่นี่ 22 พื้นที่ชั้นใน กทม. ห้ามรถบรรทุก 6 ล้อวิ่ง หลังประกาศเขตควบคุมฝุ่น

(29ต.ค.67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายธีระพงษ์ วิมลจิตรานนท์ ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นายศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สสวท. แถลงความร่วมมือในการลดฝุ่นละออง "PM 2.5" ภายหลังประชุมมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก "PM 2.5" ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2568 


สำหรับวันนี้ที่ประชุมได้หารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงพลังงาน กรมควบคุมมลพิษ สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า กรุงเทพมหานคร พร้อมหน่วยงานภาคีเครือข่าย พร้อมเดินหน้ามาตรการรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง "PM 2.5" ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ จะประสบปัญหาฝุ่นเกินค่ามาตรฐานในช่วงเดือนพฤศจิกายน - มีนาคมของทุกปี 


โดยกรุงเทพมหานครได้ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง "PM 2.5" ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้แผนลดฝุ่น 365 วัน และดำเนินมาตรการเข้มข้นขึ้นในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูงในระยะวิกฤต โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในสังกัดและหน่วยงานภายนอกอย่างต่อเนื่อง 


สำหรับการดำเนินการตามมาตรการติดตามเฝ้าระวัง อาทิ 


นักสืบฝุ่น Risk Map แจ้งเตือน 


ติดตั้ง Sensor 1,000 จุด การกำจัดต้นตอ ได้แก่ 


  • ตรวจวัดควันดำ ตรวจคุณภาพอากาศเชิงรุก 
  • การนำรถอัดฟางใช้ในการเกษตรการให้บริการรถ Feeder 
  • การพัฒนาทางเท้า 
  • การจัดการจุดฝืด 
  • Bike Lane 
  • ส่งเสริม EV 


การป้องกันประชาชน อาทิ 


  • ธงคุณภาพอากาศ 
  • ห้องปลอดฝุ่น DIY 
  • เครื่องฟอกอากาศ
  • นโยบายปลูกต้นไม้ล้านต้น 


นอกจากนี้ ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue สภาลมหายใจ 


ในส่วนการดำเนินงานตามแผนระยะวิกฤต ได้แก่ 


  • จัดตั้ง War Room การแจ้งเตือน 3 ครั้ง/วัน 
  • ตรวจควันดำบริเวณท่าเรือ/นิคมอุตสาหกรรม 
  • ดำเนินแคมเปญรถคันนี้ลดฝุ่น 
  • การขอความร่วมมืองดจุดธูป เทียน ในวัดและศาลเจ้า 
  • ห้ามจอดรถถนนสายหลัก/สายรอง 
  • จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 
  • แจกหน้ากากอนามัยเชิงรุก 
  • การติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ ผ่านทางแอปพลิเคชัน AirBKK เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ Line Alert เฝ้าระวัง Hot Spot 
  • การหยุดก่อสร้างการประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ 


หากการพยากรณ์คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง 3 วัน จะดำเนินมาตรการ Low Emission Zone ประกาศขอความร่วมมือเครือข่าย WFH ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้ข้าราชการ/พนักงานปฏิบัติงานจากที่พัก คลินิกมลพิษทางอากาศ และให้โรงเรียนดำเนินการตามมาตรการโรงเรียนสู้ฝุ่น (แนวทางการจัดกิจกรรมเรียนรู้ เพื่อเตรียมมรับมือสถานการณ์ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และเสริมสร้างทักษะชีวิตให้กับผู้เรียนเป็นการสร้างพลเมืองตื่นรู้ (Active Citizen) เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจสถานการณ์วิกฤตและสามารถป้องกันตนเองได้อย่างปลอดภัย และสามารถส่งต่อองค์ความรู้ในโรงเรียนให้กับคนในครอบครัวได้)


นายชัชชาติ เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร พยายามหาอำนาจทางกฎหมาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมมลพิษ ซึ่ง กทม. สามารถใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ให้อำนาจผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีเกิดเหตุหรือใกล้จะเกิดเหตุสาธารณภัยในพื้นที่ ให้สามารถกำจัดต้นตอของสาธารณภัยได้


อย่างไรก็ดีปีนี้ได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือสถานการณ์ฝุ่น "PM 2.5" ประกอบด้วย 


1.มาตรการเขตมลพิษต่ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (Low Emission Zone) และแนวทางการดำเนินงานภายใต้ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกภายใต้พื้นที่บังคับใช้ จำนวน 9 เขต ประกอบด้วย 


  1. เขตดุสิต 
  2. เขตพญาไท 
  3. เขตพระนคร 
  4. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 
  5. เขตสัมพันธวงศ์ 
  6. เขตคลองสาน 
  7. เขตสาทร 
  8. เขตปทุมวัน 
  9. เขตบางรัก 


รวมไปถึงแนวถนนต่าง ๆ ผ่าน 13 เขต 31 แขวง ได้แก่ 


  1. เขตบางซื่อ (วงศ์สว่าง) 
  2. เขตจตุจักร (จตุจักร / ลาดยาว / จันทรเกษม / จอมพล) 
  3. เขตห้วยขวาง (ห้วยขวาง / สามเสนนอก / บางกะปิ) 
  4. เขตดินแดง (ดินแดง / รัชดาภิเษก)
  5. เขตราชเทวี (มักกะสัน)  
  6. เขตวัฒนา (คลองเตยเหนือ) 
  7. เขตคลองเตย (คลองเตย) 
  8. เขตยานนาวา (ช่องนนทรี / บางโพงพาง) 
  9. เขตบางคอแหลม (บางคอแหลม / บางโคล่) 
  10. เขตธนบุรี (ดาวคะนอง / สำเหร่ / บุคคโล / ตลาดพลู) 
  11. เขตบางกอกใหญ่ (วัดท่าพระ) 
  12. เขตบางกอกน้อย (บางขุนนนท์ / อรุณอมรินทร์ / บางขุนศรี / บ้านช่างหล่อ / ศิริราช) 
  13. เขตบางพลัด (บางพลัด / บางบำหรุ / บางอ้อ / บางยี่ขัน) 


เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยเมื่อค่าฝุ่น "PM 2.5" อยู่ในระดับสีแดง 5 เขต ประกอบกับการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น อัตราการระบายอากาศ และทิศทางลมมาจากตะวันออก ล่วงหน้า 2 วัน จะออกประกาศดังกล่าว โดยจะประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง และกำหนดระยะเวลาห้าม 3 วัน มีผลใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศ โดยจะมีการกำหนดเปิดลงทะเบียนบัญชีสีเขียว ตั้งแต่ 1 พ.ย.67 เป็นต้นไป 



สำหรับรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่เข้ากระบวนการบำรุงรักษารถ ประกอบด้วย 


  • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 
  • เปลี่ยนไส้กรองอากาศ 
  • การติดตั้งตัวกรองอนุภาคไอเสียดีเซล (DPF) ได้รับการยกเว้นมาตรการในเขตมลพิษต่ำฯ 
  • เชื่อมโยงข้อมูลบัญชีสีเขียวกับข้อมูลจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืนอีกด้วย 



ทั้งนี้หากมีการฝ่าฝืนนำรถที่ไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว เข้าพื้นที่ในการช่วงที่มีการประกาศพื้นที่ Low Emission Zone ผู้ที่ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม โทร. 0 2203 2951



นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับรถบรรทุกส่วนใหญ่ให้ปรับปรุงตนเอง เพื่อลดมลพิษให้กับกรุงเทพมหานครทั้งในเวลาปกติและเมื่อเกิดภาวะวิกฤติฝุ่นหนาแน่น และ กทม.มั่นใจในเทคโนโลยีว่าจะช่วยตรวจจับผู้ฝ่าฝืนนำมาดำเนินคดีได้ ซึ่งคาดว่ามาตรการนี้จะเป็นมาตรการเชิงบวกเพื่อให้คุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานครดีขึ้น


2.โครงการรถคันนี้ลดฝุ่น ปี 2568 ซึ่งต่อยอดดำเนินโครงการเป็นปีที่ 2 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 - มกราคม 2568 โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการลดมลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ โดยปีนี้ตั้งเป้ารถเข้าร่วมโครงการไว้ 500,000 คัน ทั้งนี้ เมื่อปี 2567 มีรถยนต์เข้าร่วมโครงการโดยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง จำนวน 265,130 คัน ช่วยลด PM2.5 จากภาคการจราจร 13.26%


3.มาตรการ Work From Home เมื่อค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในระดับสีแดง 5 เขต ต่อเนื่อง 2 วัน โดยขอความร่วมมือภาคีเครือข่าย WFH ให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานปฏิบัติงานในที่พัก เพื่อลดปริมาณการจราจรและผลกระทบต่อสุขภาพ เมื่อปีที่แล้วมีหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ลงทะเบียนร่วมเป็นเครือข่าย Work From Home กับกรุงเทพมหานครกว่า 151 หน่วยงาน บุคลากรรวมมากกว่า 60,000 คน สำหรับหน่วยงานหรือองค์กรที่สนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายสามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ตามลิงก์ https://bit.ly/3Nn25nR?r=qr หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2203 2951


4.การให้บริการยืมรถอัดฟาง เพื่อลดการเผาในภาคการเกษตร โดยปรับลดเงื่อนไขการยืมรถอัดฟางในส่วนของผู้ยืม และการยกเว้นค้ำประกัน 


5.โครงการนักสืบฝุ่น โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อศึกษาแหล่งที่มาของฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ กทม. และสนับสนุนการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 


6.การจัดทำห้องปลอดฝุ่นและธงคุณภาพอากาศในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และป้องกันสุขภาพอนามัยของนักเรียนและบุคลากร


7.การเปิดให้บริการคลินิกมลพิษทางอากาศในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 8 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธฺโร อุทิศ โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ และโรงพยาบาลนคราภิบาล ซึ่งประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้


สำหรับการประชุมความร่วมมือในครั้งนี้ มีหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมการประชุม อาทิ 


  • กระทรวงพลังงาน 
  • กรมควบคุมมลพิษ 
  • กรมขนส่งทางบก 
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 
  • กองบังคับการตำรวจจราจร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
  •  คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
  • คณะสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และการพัฒนา สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย 
  • สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ 
  • กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 
  • สภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร 
  • สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย 
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โครงการความร่วมมือ-เยอรมัน ด้านพลังงาน การคมนาคม และสภาพภูมิอากาศ 
  • หน่วยงานของกทม.
  • สำนักสิ่งแวดล้อม 
  • สำนักอนามัย 
  • สำนักเทศกิจ 
  • สำนักการแพทย์ 
  • สำนักอนามัย 
  • สำนักการจราจรและขนส่ง 
  • สำนักงานกฎหมายและคดี 
  • สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 
  • สำนักพัฒนาสังคม 
  • สำนักการศึกษา 
  • สำนักงานเขตต่าง ๆ 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง