น้ำท่วมถึงอก พระเณรใจสู้แบกโลงขึ้นเมรุ
น้ำท่วมถึงอก พระเณรใจสู้แบกโลงขึ้นเมรุ
พระ-เณรวัดป่าแพ่ง เชียงใหม่ ใจสู้ แม้ระดับน้ำท่วมในวัดจะสูงถึง 1.5-1.6 เมตร แต่ก็ยังช่วยกันแบกโลงบรรจุศพผู้เสียชีวิตขึ้นเมรุเพื่อฌาปนกิจ เจ้าอาวาสเผยน้ำท่วมคราวนี้หนักสุดในรอบ 50 ปี
(5 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพระวัดป่าแพ่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ โพสต์คลิปภาพญาติโยมและพระเณรช่วยกันแบกโลงศพของผู้เสียชีวิตลุยน้ำที่ท่วมสูงกว่า 1.60 เมตร ไปฌาปนกิจที่เมรุด้านหลังวัดอย่างทุลักทุเล ลงในโซเชียล มีผู้คนในโลกออนไลน์แชร์คลิปภาพและชมไลฟ์เป็นจำนวนมาก พร้อมแสดงความเห็นใจญาติของผู้เสียชีวิตที่ต้องประสบกับความยากลำบากในการประกอบพิธีฌาปนกิจครั้งนี้ เพราะสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ที่ขยายวงกว้าง
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดป่าแพ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเมืองสมุทร ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยถนนเมืองสมุทรถูกน้ำท่วมสูงกว่า 30 - 40 เซนติเมตร ตั้งแต่บริเวณสี่แยกร้านที่นอนปีนัง ตัดกับถนนอัษฏาธร ยาวไปจนถึงสะพานรัตนโกสินทร์ข้ามแม่น้ำปิงไปยังฝั่งฟ้าฮ่าม ขณะที่ภายในวัดมีน้ำท่วมสูงระดับอก หรือประมาณ 1.5 เมตร น้ำได้ทะลักเข้าท่วมภายในศาลาที่ใช้สำหรับตั้งบำเพ็ญกุศลศพ กุฎิเจ้าอาวาส และโบสถ์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จมอยู่ในน้ำ รวมทั้งโลงเย็น เนื่องจากพระและเณรขนย้ายทรัพย์สินต่างๆ ที่มีจำนวนมากหนีน้ำไม่ทัน
โดยพระทั้งหมด 14 รูป และเณรอีก 2 รูปต้องอพยพขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของกุฎิเจ้าอาวาส นอกจากนี้ยังต้องนำเตาซูคาต้าขนาดใหญ่ที่เลี้ยงไว้ 2 ตัว และสุนัขหนีน้ำท่วมขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 ด้วย ส่วนเณรยังต้องช่วยกันไปค้นหาเต่าตัวเล็กอีกประมาณ 5 - 6 ตัวที่ทางวัดเลี้ยงไว้ แม้ทั้งหมดเป็นเต่าน้ำจืดแต่ทางวัดเกรงว่าจะหลุดหายไปกับกระแสน้ำ
ด้านพระมหาประเสริฐ ภททจาโร เจ้าอาวาสวัดป่าแพ่ง กล่าวว่า น้ำเริ่มทะลักเข้าท่วมในวัดประมาณ 5 ทุ่ม-เที่ยงคืนของคืนที่ผ่านมา ขณะที่วัดมีศพตั้งสวดในศาลาอยู่ 4 ศพ ทั้งหมดมีกำหนดจะฌาปนกิจในช่วงเที่ยงวันนี้ (5 ตุลาคม)
เมื่อช่วงเช้าน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้น จึงได้ปรึกษากับญาติโยมเพราะเกรงว่าหากเลื่อนระยะเวลาออกไปและน้ำท่วมสูงกระแสไฟฟ้าอาจถูกตัด ญาติของผู้เสียชีวิต 3 ศพ จึงตัดสินใจจะเผาตามกำหนดเดิมที่วางไว้ ส่วนอีก 1 ศพขอญาติไปวัดในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ดแทน ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาญาติโยมพระและเณรจึงช่วยกันแบกโลงศพลุยน้ำท่วมจากศาลาวัดไปฌาปนกิจที่เมรุด้านหลังวัด ซึ่งระดับน้ำก็ท่วมสูงเช่นเดียวกัน
ส่วนน้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือว่าหนักสุดในรอบ 50 ปี ตั้งแต่บวชอยู่ที่วัดครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดน้ำท่วมถึงระดับอก วัดได้รับความเสียงหายแทบทั้งหมดเพราะเก็บข้าวของไม่ทัน แม้จะช่วยกันนำกระสอบทรายมากั้นน้ำไว้ที่ประตูหน้าวัด แต่น้ำก็ทะลักเข้ามาเพราะมีรถยนต์ขับฝ่ากระแสน้ำจนกระสอบทรายที่วางไว้พังเสียหาย
พระและเณรของวัดทั้งหมดยังกังวลว่าหากน้ำยังท่วมสูงจะไม่มีญาติโยมนำอาหารมาถวายในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ และพระเณรจะไม่มีอาหารฉัน โดยเมื่อวานนี้พระยังได้นำอาหารไปช่วยญาติโยมที่น้ำท่วม แต่ไม่คิดว่าช่วงค่ำน้ำจะทะลักท่วมวัดเช่นนี้