พยานวงในแฉ “บอส” จ่าย “ผู้ใหญ่ในรัฐบาล” ด้วยคริปโตฯ

พยานวงในแฉ “บอส” จ่าย “ผู้ใหญ่ในรัฐบาล” ด้วยคริปโตฯ

55715 ต.ค. 67 16:11   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“สายไหมต้องรอด” เปิดตัวพยานวงใน แฉบอส ดิ ไอคอน ใช้เงินคริปโตฯ “เซ่นไหว้เทวดา” ผู้ใหญ่ในรัฐบาล - ฝั่งทนายดังจับมือกันช่วยผู้เสียหายทางคดี

(15 ต.ค. 67) เวลา 10.00 น.  ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม, นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา, นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ หรือทนายรณณรงค์, และ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายกว่า 100 รายกรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป มาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารทุกรายในความผิดตาม พรก.การกู้เงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ,ฉ้อโกงประชาชน ,พรบ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฟอกเงิน 


ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ทีมทนายได้มีการรวมตัวกันอาสาช่วยเหลือประชาชน โดยในวันนี้ได้พาผู้เสียหายกว่า 100 ราย และคาดว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยให้ทนายแต่ละคนดูแลผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าคน โดยดูแลตั้งแต่วันแจ้งความ จนกว่าคดีจะไปถึงศาลหรือได้รับเงินเยียวยาคืน



เจตนาที่มาในวันนี้ต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจึงมีการปรึกษากับกลุ่มทนาย เพราะเกรงว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินทำให้ผู้เสียหายจะไม่ได้รับเงินคืน นอกจากนี้เมื่อวานตนได้ดูรายการโหนกระแสที่บอสพอลได้ร้องไห้เหมือนเรียกดราม่า แต่เมื่อไปดูอีกรายการหนึ่งของ The standard ก็ยังไม่ได้มีการรับผิด และยังแสดงถึงลักษณะการต่อสู้คดีของบอสพอล ที่พยายามจะโยนคดีต่างๆไปให้กับทางแม่ข่าย  ฉะนั้นหากแม่ข่ายคิดว่าจะเดือดร้อนให้รีบออกมาบอกข้อมูลกับตำรวจ ไม่เช่นนั้นพวกแม่ข่ายจะกลายเป็นแพะ เหมือนสโลแกนของเขาที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะจะนำมาเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด 


ทางด้าน ทนายเดชา กล่าวว่า ล่าสุดมีความคืบหน้าทางคดี ทราบมาว่าแม่ข่ายมีการพยายามอัดคลิปข่มขู่พยาน โดยอ้างว่าจะดำเนินการฟ้องกลับ และข่มขู่ว่าหากใครมาแจ้งความจะเอาเข้าคุกให้หมด “แต่ก่อนที่จะเอาผู้เสียหายและตนเข้าคุก อยากจะถามว่ามึงหรือกูที่จะติดคุก”



ขณะที่นายเอกภพ สายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งที่ติดต่อเข้ามาหาตนเอง โดยบอกว่าตัวเองนั้นเคยอยู่ในเครือของบริษัท ดิ ไอคอน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท จนตัวเองรู้ระบบหลังบ้านข้อมูลต่าง ๆ จนถึงรู้ว่าตัวของบอสพอลมีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่คนหนึ่งในรัฐบาล ซึ่งผู้ใหญ่คนนี้เป็นถึงผู้ใหญ่ระดับสูง ที่คอยดูแลกันซึ่งกัน ตนขอใช้คำว่าการเซ่นไหว้เทวดา


โดยใช้เงินสดแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล USTD โดยผู้เสียหายรายนี้มีหลักฐานถึงขั้นว่ามีการไปเบิกถอนเงินสดที่ไหน และไปแลกเงินคริปโตเป็น USTD ที่ไหนอีกด้วย ซึ่งเหตุผลที่ต้องใช้สกุลเงิน USTD นั้น ตำรวจคงจะรู้ดี เพราะว่าสกุลเงินนี้มีความเสถียรมาก และคนที่รับแลกเงินนี้ก็เป็นกลุ่มจีนสีเทา ซึ่งวันนี้จะพาผู้เสียหายรายนี้ไปให้ข้อมูลกับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 


เหตุผลที่ตนลงมือทำเรื่องนี้ เพราะตนมองว่าผู้ใหญ่ไม่ว่าระดับไหนใครก็ตาม ที่รับเงินตรงนี้แล้วทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน ตนถือว่าใช้ไม่ได้ และถ้าหากวันนี้ยังมีใครที่ติดต่อมาหาตนเอง เพื่อขอให้ไม่พูดถึงบุคคลเรื่องนี้ ตนเองจะเอ่ยชื่อ และตนเองขอฝากไปถึงแม่ข่ายและบอสบางคน โดยเฉพาะบอส 3 คนสำคัญ ตนอยากบอกว่า วันนี้คุณคือเหยื่อ วันนี้บอสใหญ่เอาคุณเป็นเหยื่อ และจากสถานการณ์ตรงนี้เวลานี้ตนเชื่อว่าเหยื่อมักจะไม่รอด เพราะฉะนั้นรีบออกมาให้ข้อมูล รวมถึงบอสพอลด้วยเช่นกัน เพราะการที่มีคลิปเสียงหลุดออกมา ตนเองเชื่อว่าไม่ได้หลุดจากฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว และวันนี้ตนเองเชื่อว่าเทวดาไม่ปลื้มคุณอยู่แล้ว เพราะเทวดามีความกังวลว่า การเจรจาระหว่างเขากับคุณน่าจะมีการบันทึกเสียงไว้ 



เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณหายไป เขาจะปลอดภัย เพราะฉะนั้นมาร่วมกันให้ข้อมูลว่ามีใครเรียกรับคุณบ้าง เพราะในรายการเมื่อวานนี้คุณพยายามจะไม่พูด เพราะเทวดาบอกคุณว่า ไม่ต้องพูดอะไร เดี๋ยวจะจัดการให้เอง คุณถึงนิ่ง แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้เทวดาไม่ปลื้มคุณแล้วตั้งแต่คุณปล่อยคลิปเสียงออกมา คุณอยู่ในอันตราย คุณเอาสกุลเงินออกมาและขายมาชดใช้ให้กับประชาชนที่เขาลำบาก และเปิดว่าใครอยู่เบื้องหลังให้คุณทำธุรกิจแบบนี้ 


ด้านนายโอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่เคยร่วมในเครือข่ายของบริษัท ดิ ไอคอน กล่าวว่าจะต้องไปตรวจสอบเส้นเงิน กับบุคคลบางคน และเมื่อถามว่าทำไมถึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยข้อมูล นายโอ กล่าวว่า ตนไม่ชอบให้สังคม และประชาชนโดนเอารัดเอาเปรียบมากไปกว่านี้ ส่วนจ่ายเยอะหรือไม่เป็นการจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ ระดับหมื่นล้าน เป็นเงินสกุลบาท โดยมีการจ่ายเทวดาหลายคนตั้งแต่ปี 2563 


จากนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเงินที่จ่ายแลกกับการคุ้มครองอะไรบ้าง นายโอ กล่าวว่า มีการคุ้มครองของ 3 หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย ดีเอสไอ, สอท. และ ปคบ. ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า สคบ. หรือ ปคบ. นายเอกภพ กล่าวเสริมว่า ทั้ง 2 หน่วยงาน เมื่อถามว่ามีการจ่ายเงินอย่างไร เป็นเปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายโอ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเทวดาเป็นผู้จัดสรร แล้วเทวดาก็มีหน้าเสื่อ


ผู้สื่อข่าวถามปิดท้ายอีกว่า เมื่อรัฐบาลเปลี่ยน เทวดาเปลี่ยนด้วยหรือไม่ นายโอ กล่าวว่า เทวดาคนเดิม แต่ตอนนี้เทวดาไม่มีอำนาจแล้ว



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง