รวบ "เจ๊เจี๊ยบ" เปิดบริษัทหลอกคนไทย ไปทำงานต่างประเทศ พบเหยื่อกว่า 100 ราย ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

รวบ "เจ๊เจี๊ยบ" เปิดบริษัทหลอกคนไทย ไปทำงานต่างประเทศ พบเหยื่อกว่า 100 ราย ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

109011 พ.ค. 68 23:39   |     Tum1

รวบ "เจ๊เจี๊ยบ" เปิดบริษัทหลอกคนไทย ไปทำงานต่างประเทศ มีเหยื่อกว่า 100 ราย ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท หลังหนีคดีมากว่า 10 ปี พบมีหมายจับเพียบ

(11 พ.ค.68) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.อาวุธ ทิพย์วงศา สว.กก.1 บก.ปคม. , ร.ต.อ.เอกกรินทร์ ทองหยด รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจับกุม น.ส.ชลณกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ต.ม่วงค่อม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 53/2558 ลงวันที่ 12 ม.ค.58 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน

  1. ร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ 
  2. ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางาน โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินฯ
  3. ร่วมกันฉ้อโกง


จากเมื่อช่วงปลายปี 2557 ผู้เสียหายกว่า 100 คน เข้าร้องทุกข์ต่อกรมการจัดหางาน กรณีถูก น.ส.ชลณกรณ์ หรือ เจ๊เจี๊ยบ ผู้ต้องหา ในนามบริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงว่าสามารถส่งไปทำงาน เป็นพ่อครัว แม่บ้าน เกษตรกร ในประเทศต่างๆ ได้ อาทิ ประเทศแคนาดา , นิวซีแลนด์ และโปรตุเกส โดยมีการเรียกเก็บค่าดำเนินการ 300,000 – 400,000 บาทต่อคน อ้างว่า เป็นค่าประกันวีซ่า , ตั๋วเครื่องบิน และค่าส่งเอกสารไปต่างประเทศ แต่เมื่อถึงตามกำหนดนัด กลุ่มผู้เสียหายกลับไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้จริง เมื่อสอบถามกลับได้รับการบ่ายเบี่ยง ว่านายจ้างที่ต่างประเทศยังไม่พร้อมรับตัวคนงาน ขอเลื่อนการเดินทางเรื่อยมา กระทั่งกลุ่มผู้เสียหายทนไม่ไหว ขอเงินคืน แต่ก็ไม่ได้รับการชดใช้เงินคืน และสุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้ 



เมื่อรับเรื่องดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่กองการตรวจและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ให้ดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว ซึ่งมี น.ส.ชลณกรณ์ เป็นเจ้าของ จากการตรวจสอบประวัติและทะเบียนจากกรมการจัดหางาน ปรากฏว่า น.ส.ชลณกรณ์ และบริษัทดังกล่าว ได้ถูกกรมการจัดหางาน มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไปตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.54 เนื่องจาก ได้เคยกระทำความผิดหลอกลวงคนงานมาก่อน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับ


จนกระทั่ง ล่าสุดเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี กับสามีใหม่ และมีลูกด้วยกัน 1 คน จึงได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนติดตามตัว และเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ต้องหายังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับอีก จำนวน 6 หมาย และทั้งหมดกำลังใกล้ที่จะหมดอายุความลง มีดังนี้ หมายจับ ที่ จ.356/2559 สภ.บ้านดุง , หมายจับ ที่ 78/2557 สภ.สุวรรณคูหา , หมายจับ ที่ 290/2556 สภ.บ้านโคก , หมายจับ ที่ 29/2557 สภ.สุวรรณคูหา , หมายจับ ที่ 57/2559 สภ.บ้านตา และหมายจับ ที่ จ.107/2557 สภ.หนองสองห้อง 



ส่วนสาเหตุที่การติดตามจับกุม ผู้ต้องหารายนี้ เป็นไปด้วยความยากลำบากและใช้เวลายาวนาน เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีอย่างแนบเนียน และมีความระมัดระวังตัวสูง โดยได้ปกปิดอัตลักษณ์ของตน ด้วยการสร้างตัวตนใหม่ โดยใช้ชื่อของบุคคลที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังมีความรู้ความชำนาญ ในเส้นทางตามแนวชายแดนของ อ.แม่สอด จ.ตาก หรือแนวชายแดนไทย-เมียนมา และสามารถใช้ช่องทางธรรมชาติในการหลบหนีได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะเป็นบุคคลในพื้นที่ชายแดนเดิม ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่เพิ่มความยากต่อการติดตามตัวอย่างมาก และมีการเปลี่ยนแปลงที่พักอาศัยอยู่เป็นระยะ 


สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ระบุว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ผู้ต้องหาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน หวาดระแวง ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน และรู้ดีว่าวันหนึ่งกฎหมายจะตามทัน แม้พยายามหลบหนีข้ามแดน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลุดพ้นความผิดได้ ถูกจับกุมในที่สุด - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน 


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat