คำต่อคำ "นายกฯ"ลุกขึ้นโต้ฝ่ายค้าน ตอบชัดปม"ทักษิณ"กลับบ้าน ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล
คำต่อคำ "นายกฯ"ลุกขึ้นโต้ฝ่ายค้าน ตอบชัดปม"ทักษิณ"กลับบ้าน ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่ายยาวตอบหลายประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 2 ตอบชัดปม"ทักษิณ"กลับบ้าน ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล
(25 มี.ค.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราได้ผ่านการอภิปรายมาแล้ว 1 วัน สื่อมวลชนก็ฝากคำถามมาว่าอยากให้พูดยาว ๆ หน่อย ตนก็พยายามชี้แจงในสาระสำคัญ ใช้เวลาของสภาให้คุ้มค่าที่สุด เหตุผลที่อยากจะบอกหลายๆท่านที่อภิปรายไปแล้วเมื่อวันนี้ ก็มักจะอภิปรายในเรื่องของคนอื่นหรือรัฐบาลชุดอื่น ตนจึงไม่แน่ใจว่าควรจะตอบอย่างไร
น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงประเด็นการครอบครองที่ดิน โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ว่า ซึ่งเมื่อเช้านี้ได้มีรัฐมนตรีวราวุธและท่านอนุทินได้พูดถึงรายละเอียดไปบ้างแล้ว ซึ่งมีกรมที่ดินได้ออกมาชี้แจงถึงการออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย บริษัทของครอบครัวดิฉันทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด ในการเข้าประกอบกิจการโรงแรมทุกอย่างเป็นไปตามความถูกต้อง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่เขาใหญ่ ซึ่งหาไม่ยากอยู่ตรงถนนธนะรัชต์ สามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้
"ขอยืนยันอีกรอบว่าการครอบครองที่ดินการประกอบกิจการโรงแรม การทำธุรกรรมใด ๆ ของครอบครัวและกิจการของครอบครัวตน จะไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ" น.ส.แพทองธาร ระบุ
น.ส.แพทองธาร ตอบในส่วนเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ระบุว่า รัฐบาลได้ปฏิบัติการและทำไปไกลกว่าที่คิดเยอะแล้ว ซึ่งแก้ปัญหาไปได้ไกลมากพอสมควร การแก้ไขปัญหา คอลเซ็นเตอร์เราดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลท่านเศรษฐา มีการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นประเทศเมียนมา จีน และกัมพูชา ที่มาช่วยกัน การจับกุม การปราบปราม การตัดไฟ ซึ่งตนได้เคยตอบในกระทู้สดไปแล้ว
"ในเรื่องของการตัดน้ำมัน ตัดสัญญาณ มีเสียงชื่นชมจากประเทศจีนจากพี่ตนได้มีโอกาสไปเจอ ถือว่าได้ตนได้ตัดสินใจเด็ดขาดมากและดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว และได้รับคำชื่นชมจากท่าน สี จิ้นผิง โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน" น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปว่า โดยทางจีนมีการสนับสนุนในเรื่องของข้อมูลและการข่าวต่าง ๆ ซึ่งในวันนี้สามารถพูดได้ว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์นั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด มาจากความร่วมมือจากทุก ๆ ประเทศที่เราขอความร่วมมือ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อเกิดวิกฤตที่คล้ายกัน ประเทศเพื่อนบ้านก็จะให้ความร่วมมือกับเราอย่างเต็มที่ ในเรื่องของการซีลชายแดน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราต้องขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านจริง ๆ ไม่เช่นนั้นหากทำแต่เพียงประเทศเราเดี่ยว ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งภายใน เป็นสิ่งที่ช่วยกันทำแล้วก็ได้ผลอย่างดี ทำงานกันเป็นทีม บอกฝ่ายค้านควรจะเข้าใจการทำงานอย่างเป็นทีมเวิร์กและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ทางกระทรวง DE ท่านประเสริฐได้จัดตั้งศูนย์ AOC 1441 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการทำงานร่วมกัน เป็นการรับแจ้งเหตุจากพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 100 คู่สาย ได้ระงับบัญชีม้าไปแล้ว 1.92 ล้านบัญชี มีระบบติดตามบัญชีที่มีธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ เพิ่มมาตรการธนาคาร ยกระดับการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ ให้มีการตรวจสอบประวัติมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันต่อไปในอนาคต ให้มีการเปิดบัญชีมาให้ยากยิ่งขึ้น ต้องมีการพิสูจน์ตัวตนแสดงตัวตน เพิ่มขั้นตอนอีกมากมายที่ทำให้การเปิดบัญชีมาใหม่ๆเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
"ส่วนเรื่องซิมม้า เราได้กวาดล้างซิมม้าไปแล้วกว่า 2.4 ล้านเลขหมาย มีการระงับซิมต้องสงสัยที่มีการใช้งานผิดปกติ ที่ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนอีก 2.8 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจสอบผู้ใช้ mobile banking หลังวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งมีจำนวน 3.176 ล้านเลขหมาย หากไม่มายืนยันตัวตนก็จะไม่สามารถใช้ mobile banking ได้" น.ส.แพทองธาร ระบุ
น.ส.แพทองธาร บอกด้วยว่า ตั้งแต่มีการใช้มาตรการที่จริงจังในการตัดน้ำตัดไฟ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตเสาสัญญาณ สถิติการแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยลดลงไปถึง 20% โดยเฉพาะคดี คอลเซ็นเตอร์ ที่ลดลงไปถึง 67% ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนลดลงกว่า 50% จากวันละ 100 ล้านบาทเหลือ 50 ล้านบาท ซึ่งเคยบอกไปแล้วว่าตัวเลขนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ รัฐบาลจะดำเนินการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น 50 ล้านบาทยังถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะอยู่ดี
"ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังทำและเร่งรัดอยู่คือร่าง พ.ร.ก. มาตรามาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนกฤษฎีกา และมีเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตที่ เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาล โดยเรือธงลำนี้กำลังเผชิญมรสุมการคัดค้านจากหลายองค์กร" น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า แน่นอนว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นต่าง ๆ เหล่านี้เป็นประโยชน์ สิ่งที่เป็นนโยบายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นครั้งแรก เป็นสิ่งที่คุ้นชินอยู่แล้ว เพราะตนก็เป็นคนที่ชอบริเริ่มอะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดี ๆ ในอดีตที่นำกลับมาใช้ใหม่และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ตนก็ไม่ได้อยากที่จะเอามันกลับขึ้นมาเพื่อเป็นการระลึกความหลัง อย่างเช่น ODOS เป็นเรื่องของการศึกษาซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อประเทศ การเตรียมเยาวชน การเตรียมคนรุ่นใหม่เพื่อให้มีทักษะ เพื่อให้มีการศึกษา ที่พร้อมสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ในอนาคต
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า สำหรับการจ้างงานและอาชีพใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น มีการลงทุนจากต่างประเทศมากมาย ตัวเลข BOI ก็สูงสุดในรอบ 10 ปี เราต้องเตรียมพี่น้องประชาชน เพื่อให้เขามีการศึกษา ให้มีโอกาสเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญถึงจะเป็นนโยบายที่เคยมีมาแล้ว แต่เราพยายามเพิ่มมิติใหม่ ๆ เพิ่มโอกาสให้คนกลุ่มใหม่ เพื่อไม่ให้โอกาสนั้นเข้าถึงคนเพียงคนกลุ่มน้อยหรือกระจายไปไม่ทั่วถึงประชาชน เน้นย้ำว่าการเตรียมคนในอนาคตอีก 10 - 20 ปีข้างหน้า เราจะได้มีคนที่พร้อม
"ส่วนคนยุคปัจจุบันนั้นก็พยายามจะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ เวลามีคนเอาบริษัทใหญ่ ๆ มาตั้งเราก็พยายามจะเรียนรู้จากเขา เขาก็พยายามจะเรียนรู้จากเรา ซึ่งเป็นทางลัดที่จะให้คนนั้นมีศักยภาพที่ดีเพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ๆ" น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ตของเราพยายามประคับประคองเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะเป้าหมายนั้นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นใน 2 รอบแรกจำเป็นต้องแจกเป็นเงินสด แม้จะถูกมองว่าไม่ตรงปก แต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปอีกว่า ตามข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจ ซึ่งทางรัฐมนตรีก็ได้มีการชี้แจงไปหลายรอบแล้วว่า เศรษฐกิจนั้นดีขึ้นอย่างไร ในส่วนของรอบที่ 3 ที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นดิจิทัลวอลเล็ตแบบเต็มรูปแบบ มีการพัฒนาระบบ จะมีการทดลองการใช้ให้ถูกต้องรัดกุม โดยเริ่มต้นจากเยาวชนอายุ 16 - 20 ปี ซึ่งมีพลังในการบริโภค มีความตื่นตัวทางเทคโนโลยี เรียนรู้ได้รวดเร็วก็จะเป็นกำลังสำคัญในการเรียนรู้ระบบต่าง ๆ ให้กับผู้ปกครองในครอบครัว
"เป้าหมายของนโยบายนี้เป็นการยกระดับสังคมไทยให้เป็นสังคมดิจิทัล ซึ่งตนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าภายใน 1 วาระของรัฐบาลนี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรม ปกก็ตรงเป้าก็โดน" น.ส.แพทองธาร ระบุ
น.ส.แพทองธาร บอกด้วยว่า เศรษฐกิจที่วิกฤตต่อเนื่องกันมาเป็น 10 ปี อย่างที่ท่านรองนายกฯได้พูดไป หากยังทำแบบเดิมไม่มีอะไรใหม่ก็จะพัฒนาได้ยาก เพราะฉะนั้นต้องมีการอัปเดตวิธีใหม่ ๆ และแนวทางของเศรษฐกิจแบบดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมาควบคู่กัน
ขณะที่ประเด็นสุดท้ายเรื่องชั้น 14 น.ส.แพทองธาร บอกว่า ฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้กับตน ก็มีความคิดเห็นที่ต่างกันเนื่องจากท่านก็เคยไปมีความเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรที่ภูเก็ต แต่ตนเชื่อมั่นว่าท่านคงไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกจากตอนนั้นมาอธิบายตนในวันนี้ รายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องท่านรัฐมนตรียุติธรรมก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ตนจึงอยากขอชี้แจงประเด็นในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากตั้งแต่ที่คุณพ่อกลับมาอยู่ประเทศไทย จนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ตนยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่อยากให้อภิปรายเรื่องนี้ให้เกิดความสับสน เหมือนว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วและมีอำนาจในการสั่งข้าราชการ หรือใคร ๆ ก็ตาม ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและตอนนั้นก็ไม่มีอำนาจใด ๆ เลย ในเรื่องของความถูกต้องและกฎระเบียบ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบก็ต้องทำแบบนั้น การที่จะอภิปรายอะไรแบบนี้ต้องเห็นค่าผู้ที่รักษากฎหมาย คนที่เป็นข้าราชการด้วย เพราะการพูดแบบนี้ก็เหมือนเป็นการด้อยค่าในตัว
"เชื่อเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อที่ผ่านมาแล้วเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิดและสถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในรอบ 20 ปีนั้นของประเทศเรา ทุกท่านก็ต้องทราบดีถึงความยากลำบากที่ตนและพี่น้องประชาชนได้ประสบมาในเรื่องของความอยุติธรรม" น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร บอกด้วยว่า ถ้าจะหาใครสักคนที่เผชิญเรื่องของความอยุติธรรม มั่นใจว่า ดร.ทักษิณ คือหนึ่งในคนท็อป ๆ ที่ได้รับความอยุติธรรม ท่านได้ถูกยึดอำนาจทางการเมือง นอกจากนี้ยังถูกอายัดทรัพย์สิน ยึดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ ตอนนั้นตนอยู่มหาวิทยาลัยทราบว่าคุณพ่อถูกลอบสังหาร แต่ในขณะนั้นเครื่องมือสื่อสารก็ไม่ได้ดีเหมือนสมัยนี้ เมื่อตนได้ยินมาเด็กอายุ 18 - 19 คนหนึ่ง ที่ทราบว่ามีคนตั้งใจจะสังหารคุณพ่อ ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดี
"ในวันนั้นตนก็ไม่ทราบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินมาเพียงแค่ข่าวก็ต้องรออีกสักพักกว่าจะได้ทราบว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องลุ้นแบบนี้ ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นหลายครั้ง เป็นสิ่งที่เป็นความเจ็บปวดในครอบครัว" น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้แล้วก็ต้องถูกพลัดพรากไปให้อยู่คนละประเทศ เมื่อเวลาผ่านไปสักพักตนก็ได้พยายามที่จะเดินทางไปหาคุณพ่อบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้คิดถึงกันมากจนเกินไป ไปมาหาสู่กันตลอดจนกระทั่งช่วงโควิด ตนได้ท้องลูกคนแรก ก็ยังคงไปหาคุณพ่อเช่นเดิมแต่มีความยากลำบากเพิ่มขึ้น มีการกักตัว ช่วงนั้นผู้คนน่าจะจำกันได้ การเดินทางก็ยากลำบาก เมื่อตนบินไปช่วงนั้นท้องได้ 6 เดือน ไปอยู่กับท่าน 1 เดือนกลับมาก็ 7 เดือนพอดี ตอนนั่งอยู่เครื่องบินก็มีเสียน้ำตา ไม่ทราบได้ว่าโควิดนั้นจะหยุดเมื่อไหร่ ในขณะนั้นยังไม่มีวัคซีน คนที่บ้านก็เป็นห่วงว่าตนเดินทางท้องโตอย่างนั้น จะติดโควิดไหม ไม่ทราบว่าโควิดนั้นแรงหรือเบาอย่างไร มีวัคซีนไหมโรงพยาบาลไหนที่สามารถรักษาได้ ก็เป็นอย่างหนึ่งที่ตนและครอบครัวได้ผ่านพ้นมา
"แน่นอนว่าความอยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวที่สนิทกันอยู่แล้ว ก็รักกันมากยิ่งขึ้น เพราะผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาด้วยกันและเข้าใจซึ่งกันและกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้ตนได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีสติและทราบว่าอะไรควรไม่ควร ต้องเห็นใจกันและกันอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่ได้ฝึกฝนตัวเองมาโดยตลอด ในเรื่องแย่ ๆ ก็มีเรื่องดีๆซ่อนอยู่เสมอ" น.ส.แพทองธาร ระบุ
น.ส.แพทองธาร ระบุอีกว่า ที่ผ่านมามีท่านสมาชิกได้กล่าวหาว่าคุณพ่อนั้นกลับมาเพื่อดีลกับปีศาจผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งไม่ใช่ความจริง 100% เพราะนี่คือการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบ ว่าจะกลับมา ด้วยความที่รู้จักคุณพ่อก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาติดคุก หรือต้องถูกจำกัดที่ทางอะไรก็ตาม ตนก็เป็นห่วง บอกกับคุณพ่อไปว่า ไม่เป็นไรอยู่เมืองนอกก็ได้ เจอกันได้ แต่ท่านก็บอกว่าท่านอยากใช้เวลาที่เหลือของท่านกับครอบครัวที่ประเทศไทย ปีนี้ท่านก็ 75 แล้ว อยากอยู่เมืองไทยเพราะชีวิตท่านก็เติบโตมากับเมืองไทย
"ท่านมีความรักต่อพี่น้องประชาชนอย่างมาก คิดอะไรก็จะคิดเรื่องเศรษฐกิจคิดให้พี่น้องประชาชนรวย ตนได้ฟังท่านก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำงาน ว่าคนเราเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ก็ยังสามารถคิดเรื่องดีๆให้กับคนอื่นได้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังบวกเยอะๆในใจ ตนก็ได้คิดว่าก็ได้รับอะไรมาจากตรงนี้เช่นเดียวกัน" น.ส.แพทองธาร กล่าวย้ำ
น.ส.แพทองธาร บอกด้วยว่า แน่นอนวันนั้นถ้าทางเราเพื่อไทยและก้าวไกลจับมือกันได้สำเร็จและสามารถตั้งรัฐบาลได้ พวกท่าน ได้เป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนพวกเราพรรคร่วมรัฐบาล ยังไง ดร.ทักษิณก็กลับมาอยู่ดี ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยใคร นี่คือเรื่องจริงที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาให้ได้ ส่วนกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความ ซึ่งมีขั้นตอนกระบวนการต่าง ๆ ที่ตนไม่ขอก้าวล่วง สิทธิของผู้ที่มีคดีความทุกๆคน
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปอีกว่า ถ้าจะพูดเรื่องว่าท่านป่วย ป่วยจริงหรือป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าคุณพ่อมีอาการป่วย ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ มันเป็นสิทธิ์ที่ชัดเจน ถ้าตนจะบอกท่านว่าคุณพ่อผู้มีอายุ 70 กว่าป่วยท่านจะเชื่อหรือ ไม่เชื่อ ป่วยจริง ๆ อายุ 70 กว่าต้องได้รับการผ่าตัดพอดีกับช่วงที่โควิดหนักที่สุด น้ำหนักลดไป 10 กว่ากิโลกรัม ทำให้เกิดอาการผมร่วง มีแผลในปอด ท่านเชื่อหรือไม่ ก็ไม่เชื่ออยู่ดี ถูกหรือไม่ หากจะบอกว่าการที่คนอายุ 70 ขึ้นไป ได้รับการผ่าตัดและการผ่าตัดมันไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุ 20 กว่า 30 กว่า 40 กว่า ท่านเชื่อหรือไม่ ก็ไม่เชื่ออยู่ดี
"เพราะฉะนั้นตนก็ไม่ทราบว่าต้องอธิบายแบบไหน แต่ในขณะนี้มีการยื่นเรื่องตรวจสอบตอบแพทยสภา เชื่อว่าผลสรุปออกมาในอีกไม่นานนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะยอมรับ เพราะถามจากตน อภิปรายได้รับคำตอบไปจากตน ท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องทำอย่างไร" น.ส.แพทองธาร ระบุ
น.ส.แพทองธาร ย้ำอีกว่า เมื่อมีกระบวนการตรวจสอบในกรณีของ ดร.ทักษิณ ในหน่วยงานต่าง ๆ ในฐานะลูกเอง ตนห่วงใยแน่นอน ตนเป็นลูกสาว ต่างประเทศอาจจะเรียกว่า daddy girl ตนเป็นอย่างนั้นเลย 100% และในฐานะของนายกรัฐมนตรี ตนไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงในหน่วยงานไหนๆ อย่าดูถูกข้าราชการไทย อยากดูถูกระบบกระบวนการของราชการไทย ในยุคสมัยนี้แล้วทุกอย่างมันตรวจสอบได้ ตนไม่เคยแทรกแซงกระบวนการเหล่านี้
"ตลอดการอภิปรายท่านสมาชิกมีการเรียกร้องให้ตนลาออก จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกท่านในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ ทุกท่านทำได้แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านทำไม่ได้ คือขอให้ฉันลาออกจากการเป็นลูกสาว หรือการเป็นแม่ สิ่งนี้ตนลาออกไม่ได้" น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร บอกอีกว่า พร้อมที่จะทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะตนสวมหมวกนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ตนทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถ ในขณะเดียวกันในฐานะของลูกสาว ตนคือลูกสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ตนพูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจ ตั้งแต่ที่ตนสามารถพูดได้
"ขอให้ทุกท่านดูและพิสูจน์ที่ความสามารถของตน ในความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ การอภิปรายใด ๆ ขอให้วิจารณ์ในเรื่องของการทำงานก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่าทั้งต่อสภาแห่งนี้และต่อประเทศของเรา" น.ส.แพทองธาร กล่าว
ข่าวเวิร์คพอยท์23
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“วิโรจน์” บุก กรมสรรพากรขอ ปิ่นสาย สุรัสวดี ส่งเรื่องให้ คกก.ภาษีอากรสอบตั๋ว P/N ของ “แพทองธาร” ขอผลสอบเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อร่วมรับผิดชอบกับคำวินิจฉัย หวั่นเกิด “แพทองธารโมเดล” ทำรัฐเสียประโยชน์จากการจัดเก็บภาษีการรับให้ ลั่นหากเกิดความเสียหายต่อชาติ เตรียมเอาผิดอธิบดีและคณะกรรมการ คกก.

นายกฯ แจ้งข่าวดี ทางการเมียนมาอภัยโทษลูกเรือประมงไทย 4 รายแล้ว ทางการไทยเตรียมประสานนำตัวกลับแผ่นดินแม่
