'ทรัมป์' สั่งห้ามพลเมือง 12 ประเทศเข้าประเทศ

(5 มิ.ย.68) เมื่อวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2568(เวลาท้องถิ่น) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้ลงนามในประกาศห้ามบุคคลจาก 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยอ้างถึงความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ตามรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวห้ามพลเมืองจาก อัฟกานิสถาน เมียนมา ชาด สาธารณรัฐคองโก อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย เฮติ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมนเข้าประเทศอย่างสมบูรณ์ และจำกัดการเดินทางบางส่วนสำหรับพลเมืองจากบุรุนดี คิวบา ลาว เซียร์ราลีโอน โตโก เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา มาตรการนี้มีผลตั้งแต่เวลา 00:01 น. ของวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568

ประกาศฉบับใหม่ระบุเหตุผลว่าประเทศเหล่านี้มีอัตราการอยู่เกินกำหนดวีซ่าสูง เช่น สาธารณรัฐคองโกมีอัตราการอยู่เกินกำหนดวีซ่า B1/B2 ถึง 29.63% และวีซ่า F, M, J สูงถึง 35.14% หรือไม่ยอมรับพลเมืองที่ถูกเนรเทศกลับ เช่น เอริเทรีย รวมถึงขาดการตรวจคัดกรองที่เหมาะสม เช่น ซูดานและเยเมน ซึ่งไม่มีหน่วยงานกลางที่เชื่อถือได้ในการออกเอกสารเดินทาง

รายงานยังระบุว่ามีข้อยกเว้นสำหรับผู้อยู่อาศัยถาวรอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ผู้ถือวีซ่าปัจจุบัน และบุคคลที่การเข้าประเทศเป็นประโยชน์ต่อผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ เช่น นักกีฬาที่เดินทางมาแข่งขันในงานระดับโลกอย่างโอลิมปิกหรือฟุตบอลโลก 

โดยนายทรัมป์ อ้างถึงเหตุการณ์ระเบิดในโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เพื่อสนับสนุนความจำเป็นของคำสั่งนี้ แม้ว่าผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ดังกล่าวมาจากอียิปต์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกห้าม

โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการนี้เป็น “ข้อจำกัดที่ใช้สามัญสำนึก” เพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากภัยคุกคาม โดยมุ่งเป้าไปที่ประเทศที่มีการตรวจคัดกรองไม่เพียงพอหรือไม่ให้ความร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูล คำสั่งนี้เกิดขึ้นตามคำสั่งบริหารที่ทรัมป์ลงนามในวันที่ 20 มกราคม 2568 ซึ่งเรียกร้องให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดทำรายงานเกี่ยวกับทัศนคติที่เป็นปรปักษ์ต่อสหรัฐฯ