หลานสาวมือยิง มองต่าง หากตำรวจยอมให้ครอบครัวเกลี้ยกล่อมคงยอมมอบตัว แต่เข้าใจในยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่
หลานสาวมือยิง มองต่าง หากตำรวจยอมให้ครอบครัวเกลี้ยกล่อมคงยอมมอบตัว แต่เข้าใจในยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่
หลานสาวมือยิง มองต่าง หากตำรวจยอมให้ครอบครัวเกลี้ยกล่อมคงยอมมอบตัว แต่เข้าใจในยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่ ยืนยันน้าเป็นคนจิตใจดี-รักครอบครัว ด้านผบช.ภ.1 ยืนยันมือยิงถูกวิสามัญฆาตกรรม ดำเนินการตามยุทธวิธีในการปกป้องเจ้าหน้าที่ ส่วนตำรวจ 2 นาย อาการปลอดภัย
(25 ธ.ค.67) จากกรณี นายวสันต์ อายุ 51 ปี ยิงนางจิตรา อายุ 46 ปี ภรรยาเสียชีวิตภายในบ้าน ก่อนหลบหนีไปอยู่บ้านเพื่อนบ้าน เหตุเกิด บริเวณบ้าน หมู่ 4 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางไทรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างใหญ่ ระดมกำลังทำการปิดล้อมบ้านพัก ก่อนยิงปะทะกัน ตำรวจบาดเจ็บ 2 นาย ต่อมาผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญฯ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
นางสาวสุภนุช อายุ 29 ปี หลานสาวของผู้ต้องหา ที่เสียชีวิตจากการถูกตำรวจวิสามัญ เผยว่า ตอนแรกตำรวจบอกให้ตนพาญาติเข้าไปเกลี้ยกล่อม ตนก็พยายามเฝ้าดูสถานการณ์ที่บ้าน ซึ่งบ้านตนอยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามกับบ้านที่น้าหนุ่ม (ผู้ต้องหา)กบดาน ยังคงรอให้ตำรวจเรียก แต่สรุปสุดท้ายก็ไม่เรียก ตนโผล่หน้าไปดูอีกทีเห็นตำรวจชุดปฏิบัติการเข้าไปในบ้าน แล้วเสียงปืนก็ดังสนั่นขึ้นก่อนชุดแรกประมาณ 3 นัด แล้วตำรวจก็รัวกระสุนปืนเข้าไปอีกชุดประมาณ 20 ถึง 30 นัด
แม้ตนจะอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายอะไรขึ้นมาก่อนเสียงปืนดังเลย ตนเฝ้ารอโทรโข่งจากตำรวจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เกิดขึ้น ตนจึงมองว่า หากได้เข้าไปช่วยพูดคุยเกลี้ยกล่อมในช่วงเวลานั้น เชื่อว่าน้าหนุ่มคงได้กำลังใจ และยอมมอบตัว มาสู้คดี แต่ไม่มีโอกาสได้คุย จุดจบก็เลยกลายเป็นการวิสามัญก็คงต้อง ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น
ที่ผ่านมา น้าหนุ่ม เป็นคนจิตใจดี รักครอบครัวมากปกป้องครอบครัวมาตลอด ซึ่งชาวบ้านไม่ค่อยยุ่งกับน้าหนุ่ม ยกเว้นนางจิตรา เมียของเขาที่จะอยู่กับน้าหนุ่มตลอดเวลา นางจิตรามักจะด่าน้าหนุ่มทุกวัน น้าหนุ่มเคยระบายว่า โดนนางจิตราด่าพ่อล่อแม่เป็นประจำ ทุกครั้งที่น้าหนุ่มอัดอั้น จะมาเล่าระบายปัญหาให้ตนฟังตลอด ตนก็บอกว่าใจเย็นๆอย่าไปทำอะไรเลย
ปัญหาทั้งหมดทั้งมวล เป็นเพราะนางจิตรา เมียของน้าหนุ่ม เป็นคนขี้หึงมาก เวลาทะเลาะกันแล้วน้าหนุ่มแยกออกมาอยู่ที่บ้านของเขา ฝ่ายหญิงจะเดินมาตามหน้าบ้าน พร้อมกับโหวกเหวกโวยวายในช่วงเวลาดึก ๆ ดื่น ๆ ส่วนตัวตนมองว่า ฝ่ายหญิงประสาทไม่ค่อยดี อีกทั้งยังชอบยั่วโมโห ท้าทายให้ น้าหนุ่มยิงตลอดเวลา
อีกสิ่งหนึ่งที่ตนรับไม่ได้คือ ตนเคยถูกนางจิตรา ด่าว่าหน้าด้าน เหตุเพราะ นางจิตราหึงตอนตนอยู่กับน้าหนุ่ม หาว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ทั้งที่ตนเป็นหลานสาวแท้ๆของน้าหนุ่ม เหตุใดถึงคิดเช่นนี้ได้ ซึ่งตนถูกด่าหนักจริงๆ มีคลิปเสียงที่แอบถ่ายไว้ยืนยันได้
เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ตนเคยบอกน้าหนุ่มว่า ให้หนีไปไหม หากไม่ได้รักกันแล้วแต่น้าหนุ่มก็ไม่ยอมหนี จนกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย
ต่อมาพล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า เบื้องต้นที่รับทราบรายงาน ทางตำรวจชุดปฏิบัติการ ได้พยายามแสดงตัว และสั่งการให้คนร้าย ยอมมอบตัววางอาวุธแล้ว และพยายามเกลี้ยกล่อม แต่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ ก่อนที่ตำรวจจะดำเนินการอะไร จนมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษถูกยิง 2 นาย จึงต้องดำเนินการตามยุทธวิธีในการปกป้องเจ้าหน้าที่ และป้องกันไม่ให้เหตุขยายลุกลามใหญ่โตไปถึงผู้ไม่เกี่ยวข้อง จนต้องวิสามัญฆาตกรรม
ทั้งนี้ ตำรวจจะต้องทำสำนวนไปตามความถูกต้องตามกฎหมายโดยจะต้องเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด คือ สหวิชาชีพ 4 ฝ่าย แพทย์ อัยการ ฝ่ายปกครอง และพนักงานสอบสวน มาร่วมกันชันสูตรพลิกศพ ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าใครยิงใคร จำนวนกี่นัด วิถีกระสุนเป็นอย่างไร ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถมาตรวจสอบรายละเอียดได้ ทุกอย่างจะถูกต้อง และเป็นธรรม
ย้ำว่า ตำรวจได้พยายามทำตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับไม่ได้เป็นแบบนั้น คนร้ายยิงออกมาก่อน หากตำรวจไม่มีการป้องกันตัว หรือมีโล่กำบัง ก็อาจจะถูกส่วนสำคัญได้
ต่อมาภายหลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พลตำรวจโทสุรพล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุพบว่า เป็นบ้านชั้นเดียว ภายในมีห้องโถง ห้องนั่งเล่น และด้านในมีห้องพักผ่อน ซึ่งมีร่องรอยของการใช้อาวุธปืนทั้ง 2 ส่วน คือส่วนที่คนร้ายยิงใส่ตำรวจ และส่วนที่ตำรวจยิงเข้าไป ซึ่งมีพยานหลักฐานอยู่ในที่เกิดเหตุพอสมควร ส่วนตัวคนร้ายพบร่องรอยกระสุนส่วนใหญ่ถูกยิงเข้าที่บริเวณด้านหน้า แต่ต้องรอตรวจสอบสภาพศพโดยละเอียดอีกครั้ง
และในมือของคนร้ายพบอาวุธปืนกล็อก 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ซึ่งคาดว่าคนร้าย เตรียมพร้อมในการต่อสู้เพราะโดยปกติ แม็กที่ตำรวจใช้จะบรรจุกระสุนได้ประมาณ 9-11 นัด แต่คนร้ายใช้แม็กยาวที่บรรจุกระสุนได้ 20-30 นัด แต่กระสุนยังเต็มแม็กอยู่หรือไม่ ยิงไปกี่นัด ต้องรอพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบก่อน
สำหรับตำรวจชุดปฏิบัติการที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจภูธรภาค 1 โดยถูกยิงเขาที่สะโพกและขา 1 นาย และถูกยิงเข้าที่ขา 1 นาย ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าปลอดภัยทั้งคู่แล้ว แต่มี 1 คนที่ถูกยิงเข้าเส้นเลือดใหญ่ ทำให้อาการค่อนข้างหนัก
กรณีที่ทางญาติบอกว่า ตำรวจไม่ได้ให้ญาติพูดคุยเกลี้ยกล่อมนั้น ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามยุทธวิธีและขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว โดยคนร้ายเป็นผู้ที่ก่อเหตุฆาตกรรมมาก่อน เป็นคดีต่อเนื่อง และเป็นบุคคลอันตรายที่มีอาวุธปืน เมื่อเจ้าหน้าที่บอกให้มอบตัวแล้ววางอาวุธ แต่คนร้ายไม่ปฏิบัติตามและมีการยิงออกมา ถือเป็นเหตุที่รุนแรง จึงต้องทำการระงับเหตุ และคนร้ายยังมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปมีการสวมชุดเกราะ และใช้โล่กำบัง แต่คนร้ายก็ตั้งใจยิงรอดใต้โล่ จนมาโดนขาได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ หากทางญาติไม่สบายใจก็สามารถมาให้ปากคำกับตำรวจได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สลด! ผัวหึงโหดยิงเมียดับคาห้องนอน ก่อนหลบหนีไปบ้านเพื่อนบ้าน