DSI แถลงหลังประชุมใหญ่ สั่งฟ้อง 18 บอส ดิไอคอน คดีฉ้อโกง
DSI แถลงหลังประชุมใหญ่ สั่งฟ้อง 18 บอส ดิไอคอน คดีฉ้อโกง
DSI แถลงหลังประชุมใหญ่ สั่งฟ้อง 18 บอส ดิไอคอน คดีฉ้อโกง เผยความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาท ผู้เสียหาย 7,875 ราย พร้อมขยายผลคดีฟอกเงิน
วันที่ 20 ธ.ค.67 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพO พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี การดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก หรือแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนฯ ว่าที่ประชุมมีความเห็นว่าการสอบสวนในคดีนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเสร็จสิ้น ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้ว มีการปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมาย มีการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของทุกฝ่าย และการแก้ข้อกล่าวหา ทำให้ที่ประชุมมีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย และอีก 1 นิติบุคคล (บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล)
ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ , พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่ง DSI จะได้นำส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง ให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ และยังจะได้แยกสำนวนออกเป็นอีกหนึ่งสำนวน เพราะพบความผิดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร
โดยจำนวนพยานของผู้ต้องหาได้นำเข้าสำนวนมีประมาณ 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิก เป็นเครือข่ายของดิไอคอนฯ และเป็นรายที่ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบรรดา 18 บอส ส่วนก่อนหน้านี้ที่ทนายความของผู้ต้องหาได้บอกจะพาพยานของผู้ต้องหา ทยอยเข้ามาให้ DSI สอบสวนปากคำวันละ 200 รายนั้น DSI ได้ดูประเด็นว่ามีประเด็นซ้ำหรือไม่ และเท่าที่รับฟังหากไม่ใช่ประเด็นการพิสูจน์ความผิด หรือแก้ข้อกล่าวหาในคดี ก็จะรวบรวมไว้เฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้อง คงไม่สามารถสอบสวนปากคำได้ทุกราย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ประเด็นที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายผู้ต้องหา ก็ได้นำมาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแล้ว และเห็นว่าไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ รวมไปถึงคำแก้ข้อกล่าวหาทุกรายทุกกรณีด้วย
พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุด้วยว่า ทั้ง 18 ผู้ต้องหา ได้มีการส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาครบทุกราย ส่วนรายละเอียดคำให้การ ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนข้อเน้นย้ำที่ทำให้คณะพนักงานสอบสวนมีมติสั่งฟ้องนั้น คือ มีลักษณะพฤติการณ์แผนธุรกิจเน้นหาสมาชิก มากกว่าการเน้นขายผลิตภัณฑ์สินค้า เนื่องจาก มีการตรวจดูเรื่องรายได้ส่วนใหญ่มาจากการที่ขายสินค้า ให้กับหมู่สมาชิกด้วยกัน ซึ่งจำนวนสินค้าที่ไปยังผู้บริโภคนั้น มีจำนวนน้อย แต่แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายประเด็น เพียงแค่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยรายละเอียดภายในสำนวน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างถึง การเก็บสินค้าในสต๊อกโกดังมีจำนวนจริงเท่ากับจำนวนลูกค้าหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ได้มีการสอบสวนเข้ามาในสำนวนเรียบร้อยแล้ว
สำหรับความคืบหน้าสำนวนการสอบสวนกรณี การฟอกเงินทางอาญาของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด หรือคดีพิเศษที่ 115/2567 ว่า กรณีที่มีรายงานข่าวปรากฏเส้นทางการเงินหวานใจของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช มีการรับโอนเงินจากบอสดิไอคอนฯ นั้น ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล แต่ยอมรับว่า มีการกระทำคล้ายกับของมารดา คือมีการใช้บัญชีธนาคารนี้รับผลประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจดิไอคอนฯ รับโอนมาจากบอสพอล ส่วนห้วงเวลาการรับโอนก็อยู่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน ความถี่ในการรับโอนเป็นรายเดือนก็มีลักษณะคล้ายกัน ยอดเป็นหลักล้านบาท สำหรับการดำเนินการออกหนังสือเชิญหวานใจของนายสามารถ มาให้ปากคำ จะมีการดำเนินการอย่างแน่นอน
อธิบดี DSI กล่าวต่อว่า กรณีที่ปรากฏเส้นทางการเงินว่าบอสปีเตอร์ ได้มีการโอนเงิน 500,000 บาทเข้าบัญชีนางวิลาวัลย์ (มารดานายสามารถ) จะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เป็นผู้ต้องหารายที่ 4 หรือไม่นั้น อาจจะต้องมีการดำเนินคดี แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ก็จะเข้าไปดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนถ้าหากเจ้าตัวจะชี้แจงว่า เป็นเงินอย่างอื่นไม่ใช่เงินค่าดูแล ทาง DSI ก็ยินดีรับฟัง ว่ามันเป็นเงินมูลหนี้ที่วิญญูชนฟังแล้วมันเป็นไปได้หรือไม่ เช่น การกล่าวอ้างถึงว่าเป็นเงินการทำบุญ เป็นต้น
สำหรับหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายสามารถและมารดา จากการที่ถูกดำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินนั้น ที่ได้มีการขยายเวลาออกไป 30 วัน ตอนนี้ยังไม่ได้ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวน แต่อย่างใด เนื่องจากในวันนี้เป็นเพียงการประชุมในคดีของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ส่วนเรื่องคดีการฟอกเงินฯ จะได้ดำเนินการในภายหลังต่อไป
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวด้วยว่า ส่วนจะมีผู้ต้องหาในคดีดิไอคอนฯ เพิ่มเติมจาก 18 รายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ตนตอบไม่ได้ว่าจะมีหรือไม่มีอย่างไร ถ้าพยานหลักฐานไปถึงใครและมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด และหากปรากฏว่ามีผู้ต้องหาเพิ่มเติม ก็จะต้องแยกออกเป็นอีกเลขคดีพิเศษ เพราะสำนวน 119/2567 จะส่งให้พนักงานอัยการในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ และในส่วนของภรรยานายกันต์ กันตถาวร พบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในสำนวนหรือไม่นั้น วันนี้พิจารณาเพียงในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย แต่จะมีการขยายผลอีกส่วนหนึ่งแน่นอน
ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมจะแยกสำนวนออกมาเป็นอีกหนึ่งสำนวน เนื่องด้วยพบความผิดบางส่วนเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เพราะคดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำสองส่วน ส่วนแรกคือกรณีที่ดีเอสไอรับไปดำเนินการในคดีพิเศษ ซึ่งมีจำนวนผู้เสียหายประมาณ 7,000 ราย
อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเป็นไปตามที่อัยการสำนักงานการสอบสวนได้เสนอ จึงเรียกว่าเป็นความผิดในราชอาณาจักร คือ DSI สรุปสำนวนสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ
ส่วนกรณีที่ปรากฏผู้เสียหายอยู่ที่ต่างประเทศ ขณะนี้พบจำนวนเบื้องต้นแล้ว 10 ราย จึงมีความจำเป็นต้องแยกสำนวนมาดำเนินการ ตามคำสั่งของอัยการสูงสุด ตนได้รับมอบหมายให้มาเป็นหัวหน้าของพนักงานอัยการ เพื่อสอบสวน และหากดำเนินการเสร็จสิ้น สำนวนคดีนี้จะส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อมีคำสั่งทางคดี ดังนั้น สำนวนคดีดิไอคอนฯ ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ถือเป็นการกระทำอีกส่วน และการกระทำแต่ละครั้งก็เป็นหนึ่งกระทงหรือหนึ่งกรรม
โดยพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร จะแตกต่างจากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร เพราะกรณีนอกราชอาณาจักรนี้ ผู้เสียหายอยู่ที่ต่างประเทศ รับรู้จากการอยู่นอกประเทศ และมีการตกลงที่จะสมัครเป็นสมาชิกและมีการโอนเงิน ซึ่งในส่วนนี้จะสอบสวนขยายผลต่อไป เนื่องจากต้องมีการสอบสวนปากคำพยานอีกหลายฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จำนวนเอกสารหลักฐานที่คณะพนักงานสอบสวน ได้มีการประชุมหารือพิจารณาก่อนมีมติเอกฉันท์ สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ปรากฎจำนวนเอกสารมากกว่า 300,000 แผ่น ความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาทเศษ และจำนวนผู้เสียหายทั้งหมด 7,875 ราย - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน