DSI แถลงหลังประชุมใหญ่ สั่งฟ้อง 18 บอส ดิไอคอน คดีฉ้อโกง

DSI แถลงหลังประชุมใหญ่ สั่งฟ้อง 18 บอส ดิไอคอน คดีฉ้อโกง

31020 ธ.ค. 67 17:52   |     Tum1

DSI แถลงหลังประชุมใหญ่ สั่งฟ้อง 18 บอส ดิไอคอน คดีฉ้อโกง เผยความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาท ผู้เสียหาย 7,875 ราย พร้อมขยายผลคดีฟอกเงิน

วันที่ 20 ธ.ค.67 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพO พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี การดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก หรือแชร์ลูกโซ่ดิไอคอนฯ ว่าที่ประชุมมีความเห็นว่าการสอบสวนในคดีนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเสร็จสิ้น ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้ว มีการปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมาย มีการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของทุกฝ่าย และการแก้ข้อกล่าวหา ทำให้ที่ประชุมมีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย และอีก 1 นิติบุคคล (บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล) 

ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ , พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่ง DSI จะได้นำส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง ให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ และยังจะได้แยกสำนวนออกเป็นอีกหนึ่งสำนวน เพราะพบความผิดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร


โดยจำนวนพยานของผู้ต้องหาได้นำเข้าสำนวนมีประมาณ 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิก เป็นเครือข่ายของดิไอคอนฯ และเป็นรายที่ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบรรดา 18 บอส ส่วนก่อนหน้านี้ที่ทนายความของผู้ต้องหาได้บอกจะพาพยานของผู้ต้องหา ทยอยเข้ามาให้ DSI สอบสวนปากคำวันละ 200 รายนั้น DSI ได้ดูประเด็นว่ามีประเด็นซ้ำหรือไม่ และเท่าที่รับฟังหากไม่ใช่ประเด็นการพิสูจน์ความผิด หรือแก้ข้อกล่าวหาในคดี ก็จะรวบรวมไว้เฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้อง คงไม่สามารถสอบสวนปากคำได้ทุกราย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ประเด็นที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายผู้ต้องหา ก็ได้นำมาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแล้ว และเห็นว่าไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ รวมไปถึงคำแก้ข้อกล่าวหาทุกรายทุกกรณีด้วย



พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุด้วยว่า ทั้ง 18 ผู้ต้องหา ได้มีการส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาครบทุกราย ส่วนรายละเอียดคำให้การ ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนข้อเน้นย้ำที่ทำให้คณะพนักงานสอบสวนมีมติสั่งฟ้องนั้น คือ มีลักษณะพฤติการณ์แผนธุรกิจเน้นหาสมาชิก มากกว่าการเน้นขายผลิตภัณฑ์สินค้า เนื่องจาก มีการตรวจดูเรื่องรายได้ส่วนใหญ่มาจากการที่ขายสินค้า ให้กับหมู่สมาชิกด้วยกัน ซึ่งจำนวนสินค้าที่ไปยังผู้บริโภคนั้น มีจำนวนน้อย แต่แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายประเด็น เพียงแค่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยรายละเอียดภายในสำนวน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างถึง การเก็บสินค้าในสต๊อกโกดังมีจำนวนจริงเท่ากับจำนวนลูกค้าหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ได้มีการสอบสวนเข้ามาในสำนวนเรียบร้อยแล้ว 


สำหรับความคืบหน้าสำนวนการสอบสวนกรณี การฟอกเงินทางอาญาของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด หรือคดีพิเศษที่ 115/2567 ว่า กรณีที่มีรายงานข่าวปรากฏเส้นทางการเงินหวานใจของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช มีการรับโอนเงินจากบอสดิไอคอนฯ นั้น ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล แต่ยอมรับว่า มีการกระทำคล้ายกับของมารดา คือมีการใช้บัญชีธนาคารนี้รับผลประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจดิไอคอนฯ รับโอนมาจากบอสพอล ส่วนห้วงเวลาการรับโอนก็อยู่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน ความถี่ในการรับโอนเป็นรายเดือนก็มีลักษณะคล้ายกัน ยอดเป็นหลักล้านบาท สำหรับการดำเนินการออกหนังสือเชิญหวานใจของนายสามารถ มาให้ปากคำ จะมีการดำเนินการอย่างแน่นอน 


อธิบดี DSI กล่าวต่อว่า กรณีที่ปรากฏเส้นทางการเงินว่าบอสปีเตอร์ ได้มีการโอนเงิน 500,000 บาทเข้าบัญชีนางวิลาวัลย์ (มารดานายสามารถ) จะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เป็นผู้ต้องหารายที่ 4 หรือไม่นั้น อาจจะต้องมีการดำเนินคดี แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ก็จะเข้าไปดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนถ้าหากเจ้าตัวจะชี้แจงว่า เป็นเงินอย่างอื่นไม่ใช่เงินค่าดูแล ทาง DSI ก็ยินดีรับฟัง ว่ามันเป็นเงินมูลหนี้ที่วิญญูชนฟังแล้วมันเป็นไปได้หรือไม่ เช่น การกล่าวอ้างถึงว่าเป็นเงินการทำบุญ เป็นต้น 

สำหรับหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายสามารถและมารดา จากการที่ถูกดำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินนั้น ที่ได้มีการขยายเวลาออกไป 30 วัน ตอนนี้ยังไม่ได้ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวน แต่อย่างใด เนื่องจากในวันนี้เป็นเพียงการประชุมในคดีของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ส่วนเรื่องคดีการฟอกเงินฯ จะได้ดำเนินการในภายหลังต่อไป


พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวด้วยว่า ส่วนจะมีผู้ต้องหาในคดีดิไอคอนฯ เพิ่มเติมจาก 18 รายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ตนตอบไม่ได้ว่าจะมีหรือไม่มีอย่างไร ถ้าพยานหลักฐานไปถึงใครและมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด และหากปรากฏว่ามีผู้ต้องหาเพิ่มเติม ก็จะต้องแยกออกเป็นอีกเลขคดีพิเศษ เพราะสำนวน 119/2567 จะส่งให้พนักงานอัยการในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ และในส่วนของภรรยานายกันต์ กันตถาวร พบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในสำนวนหรือไม่นั้น วันนี้พิจารณาเพียงในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย แต่จะมีการขยายผลอีกส่วนหนึ่งแน่นอน



ด้าน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมจะแยกสำนวนออกมาเป็นอีกหนึ่งสำนวน เนื่องด้วยพบความผิดบางส่วนเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เพราะคดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำสองส่วน ส่วนแรกคือกรณีที่ดีเอสไอรับไปดำเนินการในคดีพิเศษ ซึ่งมีจำนวนผู้เสียหายประมาณ 7,000 ราย 

อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเป็นไปตามที่อัยการสำนักงานการสอบสวนได้เสนอ จึงเรียกว่าเป็นความผิดในราชอาณาจักร คือ DSI สรุปสำนวนสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ

ส่วนกรณีที่ปรากฏผู้เสียหายอยู่ที่ต่างประเทศ ขณะนี้พบจำนวนเบื้องต้นแล้ว 10 ราย จึงมีความจำเป็นต้องแยกสำนวนมาดำเนินการ ตามคำสั่งของอัยการสูงสุด ตนได้รับมอบหมายให้มาเป็นหัวหน้าของพนักงานอัยการ เพื่อสอบสวน และหากดำเนินการเสร็จสิ้น สำนวนคดีนี้จะส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อมีคำสั่งทางคดี ดังนั้น สำนวนคดีดิไอคอนฯ ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ถือเป็นการกระทำอีกส่วน และการกระทำแต่ละครั้งก็เป็นหนึ่งกระทงหรือหนึ่งกรรม



โดยพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร จะแตกต่างจากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร เพราะกรณีนอกราชอาณาจักรนี้ ผู้เสียหายอยู่ที่ต่างประเทศ รับรู้จากการอยู่นอกประเทศ และมีการตกลงที่จะสมัครเป็นสมาชิกและมีการโอนเงิน ซึ่งในส่วนนี้จะสอบสวนขยายผลต่อไป เนื่องจากต้องมีการสอบสวนปากคำพยานอีกหลายฝ่าย 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จำนวนเอกสารหลักฐานที่คณะพนักงานสอบสวน ได้มีการประชุมหารือพิจารณาก่อนมีมติเอกฉันท์ สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ปรากฎจำนวนเอกสารมากกว่า 300,000 แผ่น ความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาทเศษ และจำนวนผู้เสียหายทั้งหมด 7,875 ราย - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง