มองหน้า? เจ้าของค่ายมวย-เทรนเนอร์และนักมวยในค่าย รุมตื้บ"วินจยย."พิการขาขาดยับ

มองหน้า? เจ้าของค่ายมวย-เทรนเนอร์และนักมวยในค่าย รุมตื้บ"วินจยย."พิการขาขาดยับ

379613 ก.พ. 68 15:47   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

มองหน้า? เจ้าของค่ายมวย-เทรนเนอร์และนักมวยในค่าย รุมตื้บ"วินจยย."พิการขาขาดยับ เจ้าของค่ายเปิดปมทำร้าย

(13 ก.พ. 68) จากกรณี เพจกล้าที่จะก้าว ได้โพสต์ภาพหลักฐานการเข้าแจ้งความ ของนายเสมา วินจักรยานยนต์ซึ่งเป็นผู้พิการขาขาดว่า ถูกเจ้าของค่ายมวยดังแห่งหนึ่ง พร้อมเทนเนอร์และนักมวยในค่ายรุมกระทืบยับ ทำให้ผู้เสียหายหวั่นไม่ปลอดภัย ต้องเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางซื่อ และร้องเรียนกับสื่อ


นี่คือหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ บริเวณซอยอินทามระ 29 แยก 1 จากภาพจะเห็นเจ้าของค่ายมวย(เสื้อขาว) พร้อมเทนเนอร์(เสื้อดำ) และนักมวยในค่าย(เสื้อน้ำเงิน) มายืนดักรออยู่ที่ซุ้มวินจักรยานยนต์ เมื่อผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มาหยุดจอดที่หน้าซุ้มก็ถูกเจ้าของค่ายมวยเดินเข้ามาตบใส่ศีรษะ จากนั้นนักมวยในค่ายก็ตามเข้ามาชกต่อยทำร้ายซ้ำตามคลิป


ในเวลา 12.00 น.ของวันนี้ (13ก.พ.68) นายเสมา อายุ 46 ปี วินจักรยานยนต์ที่เป็นผู้พิการขาขาด ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อให้การเพิ่มเติมถึงเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกาย 


โดยก่อนเข้าไปพบพนักงานสอบสวน นายเสมาได้ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ให้ผู้สื่อข่าวของเราฟังว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 15:30 น. ขณะตนนั่งอยู่ที่เปลในซุ้มวินพร้อมกับนายบอลรุ่นน้องไรเดอร์ที่นั่งคร่อมรถจยย.ของเขาอยู่นั้น จังหวะที่ นายบอลกำลังรอออเดอร์ ปรากฏว่ามี เฮียตี๋ เจ้าของค่ายมวยขับขี่รถจยย.ผ่านหน้าซุ้มวิน แล้วนายบอลที่กำลังดูโทรศัพท์ เผอิญเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเฮียตี๋พอดี จึงทำให้เฮียตี๋คิดว่านายบอลมองหน้าหาเรื่องแล้วก็ขี่ผ่านไป 


ก่อนเกิดเหตุ นายบอลได้ออเดอร์พอดี จึงขี่รถออกไปรับอาหารให้ลูกค้า เมื่อนายบอลขี่ไปแล้ว เฮียตี๋พร้อมพวกขี่รถวนมาที่ซุ้มวินเพื่อดักรอทำร้ายตนทั้งสอง ซึ่งตนส่งลูกค้าเสร็จก็ขี่กลับมาที่ซุ้มวิน ปรากฏว่าเจอเฮียตี๋กับพวกก็ตกใจ จึงหยุดจอดและถูกเฮียตี๋ปรี่เข้ามาตบตน จากนั้นนักมวยในค่ายก็เข้ามาทำร้ายต่อตามคลิปวงจรปิด 


ตนถาม กับเฮียตี๋ว่า เข้ามาทำร้ายตนทำไม เฮียตี๋บอกว่า พวกมึงมองหน้ากู ซึ่งตนบอกว่าตนนอนที่เปลไม่ได้มองหน้าเลยสักนิด ตนพยายามบอกว่า นายบอลเป็นคนมองหน้า ก็ไปเล่นงานที่นายบอลสิ ซึ่งเฮียตี๋ตอบมาสั้นๆว่า “มึงเป็นพวกเดียวกัน”


หลังเหตุการณ์ ตนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สน.บางซื่อ แล้วก็เข้าตรวจร่างกายทันทีตอนนี้รอใบแพทย์อยู่ ซึ่งวันต่อมา ตนก็ยังขี่วินต่อเนื่องจากต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว ก็ยังเจอเฮียตี๋ขี่รถผ่าน แต่ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกัน


ตนมองว่า จุดเริ่มต้น ของปัญหาส่วนหนึ่ง เริ่มมาจากเมื่อปีที่แล้ว ตนมีปัญหากับลูกน้องของเฮียตี๋ ตอนนั้นลูกน้องเฮียตี๋ขี่จยย.มารับลูกน้องเฮียตี๋ที่หน้าตึก อพาร์ตเมนต์ แล้วลูกน้องจอดรถขวางทางรถคันอื่น ตนจึงเดินเข้าไปตักเตือน ลูกน้องเฮียตี๋จึงไปบอกเฮียตี๋ ทำให้ตนกับเฮียตี๋มีปัญหาขุ่นเคืองใจกันตั้งแต่นั้นมา


อย่างไรก็ตาม อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุตามกฎหมาย ส่วนเรื่องชดใช้เยียวยาอยู่ที่ฝั่งเขาว่าจะชดใช้ตนอย่างไร ยอมรับว่ากลัวและเป็นกังวลใจกับการออกมาร้องสื่อครั้งนี้


ด้านนายบอล ไรเดอร์ต้นเรื่อง บอกว่า ตนเป็นรุ่นน้องของนายป้อม จึงชอบมานั่งรอออเดอร์อยู่ที่ซุ้มวินแห่งนี้เป็นประจำ ในวันเกิดเหตุเป็นจังหวะที่ตนก้มมองโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเฮียตี๋พอดี ทำให้เฮียตี๋คิดว่า ตนมองหน้าหาเรื่อง จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว


ก่อนหน้านี้ ยอมรับว่า ตนเคยเป็นเทรนเนอร์ที่ค่ายมวยของเฮียตี๋ แต่แยกทางกันเพราะมีปัญหาในเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้ ซึ่งก่อนตนออกจากค่ายมวยยังโดนเฮียตี๋ชกต่อยสับศอกเข้าปลายคิ้วเพราะสางเรื่องที่มีปัญหากัน แต่ตนก็ยอมให้เขาชกไม่ได้สวนกลับแต่อย่างใด


หลังเหตุการณ์เฮียตี๋ไม่ได้ติดต่อมาหาตน แต่ตนก็ไม่กล้าไปนั่งที่ซุ้มวินนั้นอีกแล้ว เพราะกลัวจะถูกรุมทำร้ายอีกราย


ต่อมาผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ได้พูดคุยสอบถามกับเฮียตี๋ เจ้าของค่ายมวย ที่เป็นผู้ก่อเหตุ เปิดเผยปมในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้ว่า เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นต้องเริ่มมาจากช่วงปีที่แล้ว ตนได้บอกให้ลูกน้องคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ไปรับผู้จัดการร้านอาหาร(อีกหนึ่งธุรกิจของเฮียตี๋) ที่อพาร์ตเมนต์ของตน(อีกหนึ่งธุรกิจเช่นกัน) มาสังสรรค์ที่ร้าน เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเกิดของผู้จัดการ


แต่ปรากฏว่า เมื่อลูกน้องขี่มาถึงหน้าตึก กลับถูกนายป้อมโวยวายใส่ว่ามึงขี่มาจอดตรงนี้ได้ไง ลูกน้องก็มาเล่าให้ตนฟัง แล้วนายบอล อดีตลูกบุญธรรม ที่ตนเลี้ยงดูปูเสื่อมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ที่เป็นรุ่นน้องคนสนิทกับนายป้อม เพราะสองคนนี้ ชอบตั้งวงดื่มน้ำกระท่อมกันที่ซุ้มวินเป็นประจำ ก็มาออกตัวแรงแทน จะมาดักทำร้ายลูกน้องของตนที่หน้าร้านอาหาร ตนบอกให้นายบอลจบ แต่ไม่ยอมจบ ยังดักรอจะทำร้ายลูกน้องของตนให้ได้ 


จากนั้นอีกประมาณสองวัน ตนเข้าไปคุยกับนายป้อมเพื่อจะถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นายป้อมโวยวายจะชักมีดแทงใส่ตนเสียอย่างนั้น หลังจากเหตุการณ์ตนจึงไล่นายบอลที่ทำงานเป็นเทรนเนอร์ค่ายมวยออกจากงาน พร้อมกับไล่น้องสาวกับแม่ของนายบอลออกจากงานด้วย แต่ยังยินยอมให้น้องสาวของนายบอลเช่าอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์หน้าซุ้มวินได้ต่อไป


ส่วนเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ตนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากท้ายซอยผ่านหน้าซุ้มวิน แล้วถูกนายบอลและนายป้อมมองหน้าหาเรื่อง ตนจึงพาเทรนเนอร์กับนักมวยในค่ายมาดักรอนายบอล แต่เจอนายป้อม จึงเข้าไปทำร้ายตามคลิปจริง


ตอนเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้เพราะว่า ตนเลี้ยงดูปูเสื่อนายบอลมาตั้งแต่อายุ 14 ปี เนื่องจากพ่อเขาตาย จึงพาแม่กับน้องสาวของนายบอลมาดูแลด้วย ซึ่งตนเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ส่งเสียค่าเล่าเรียนจนนายบอลเรียนจบด้วยซ้ำ 


เฮียตี๋ เล่าต่อว่า หากถามถึงพฤติกรรมของนายป้อม บอกเลยว่า เป็นคนที่ชอบกร่างหาเรื่องไรเดอร์หรือบุคคลอื่นที่ขี่รถจยย.เข้ามารับส่งคนภายในซอยเป็นประจำ ซึ่งไรเดอร์หลายคนจะถูกนายป้อมเข้าไปหาเรื่อง ทำตัวเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ ทั้งที่ซุ้มวินนี้อยู่ในพื้นที่ของตนแท้ๆ แต่ตนไม่อยากเอาเรื่อง เพราะเห็นซุ้มวินแห่งนี้ตั้งมานมนานแล้ว 


ส่วนเรื่องทางคดี พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้นัดตนกับคู่กรณีไปขึ้นศาลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 68 นี้ ส่วนเรื่องการชดใช้ยาเยียวยา ตนยืนยันพร้อมชดใช้ แต่นายป้อมเรียกตน 30,000 บาท ทั้งที่ใบหน้าและลำตัวไม่ได้มีบาดแผลอะไรเลยด้วยซ้ำ ตนจึงมองว่า นี่เป็นการขูดรีดกันเกินไป  


อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากนายป้อมอยากขี่วินจยย.ต่อไปก็สามารถทำได้ แต่ให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ใช่มาทำตัวทำพฤติกรรมกร่างแบบนี้ เฮียตี๋บอกทิ้งท้ายด้วยว่า “คนเราต้องให้เกียรติกัน ถ้าไม่รักกัน ก็ไปอยู่ที่อื่นดีกว่า”

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง