ชาวบ้านชายแดนน้ำยืน อุบลฯ ไม่มั่นใจสถานการณ์ แม้มีการเจรจาไทย-กัมพูชา
ชาวบ้านชายแดนน้ำยืน อุบลฯ ไม่มั่นใจสถานการณ์ แม้มีการเจรจาไทย-กัมพูชา

ชาวบ้านตามแนวแนวชายแดนน้ำยืน อุบลฯ ไม่มั่นใจในสถานการณ์ แม้มีการเจรจาไทย-กัมพูชาแล้ว แต่ละหมู่บ้านต่างทำความสะอาดหลุมหลบภัย เตรียมพร้อมอพยพหากเกิดเหตุรุนแรง
(29 พ.ค.68) ที่ จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมแผนช่วยเหลือประชาชน ตามพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา อ.น้ำยืน โดยเฉพาะหมู่บ้านในเขต ต.โดมประดิษฐ์ บ้านโนนสูง , บ้านแปดอุ้ม , บ้านจันลา , บ้านแข้ด่อน หรือบ้านหนองขอน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่กระสุนตก ไม่ปลอดภัย พบว่า มีการเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง
โดยวันนี้ ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอน้ำยืน ได้มีการประชุมเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือประชน ในด้านการอพยพ เพื่อความปอดภัยหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือได้รับสัญญานให้มีการเคลื่อนย้ายประชน โดยได้มีการกำหนดพื้นที่ในการอพยพประชานไปที่ อ.เดชอุดม ซึ่งมีระยะห่างจาก อ.น้ำยืน กว่า 67 กิโลเมตร
ขณะที่ ประชนหลายหมู่บ้าน ใน อ.น้ำยืน ที่เป็นพื้นที่เสี่ยง ได้ทำการปรับทำความสะอาดหลุมหลบภัย เพื่อเตรียมพร้อมเป็นที่หลบภัย หากเกิดความรุนแรง โดยหลุมหลบภัยแต่ละหมู่บ้าน ได้มีการก่อสร้างด้วยคอนกรีตอย่างถาวร และมีความมั่นคง เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงหลายปีที่ผ่านมา โดยหมู่บ้านหนึ่ง จะมีหลุมหลบภัยขนาดมาตรฐาน 3 ช่อง สามารถจุบรรจุคนได้ 50-100 คน หมู่บ้านละ 1-2 แห่ง ซึ่งพบว่าหลุมหลบภัยแต่ละหมู่บ้าน ได้มีการตัดแต่งต้นไม้ กวาดพื้นทำความสะอาด ให้หลุมหลบภัยสามารถใช้งานได้ทันที
ขณะที่ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน พบว่า ต่างอยู่กันอย่างหวาดผวา ไม่มั่นใสจในสถานการณ์ แม้จะมีการเจรจารกันของทั้งสองฝ่าย โดยนายสมจิต ชาวบ้านโดมประดิษฐ์ กล่าวว่า การเตรียมการของชาวบ้าน หัวหน้าชุมชนได้มาทำการจดรายชื่อประชาชนในหมู่บ้าน ว่าใครประสงค์อพยพไปที่ที่ทางการจัดไว้ให้ที่ อ.เดชอุดม หรือใครจะอยู่เฝ้าทรัพย์สินของตน
สำหรับหลุมหลบภัย ให้เป็นจุดหลบภัยของผู้ที่คอยเฝ้าทรัพย์สิน หรือผู้ที่ไม่อพยพ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ชรบ. ซึ่งช่วงนี้ชาวบ้านปรับตัวได้บ้างแล้ว ไม่ตื่นตระหนกมากเหมือนช่วงแรกที่มีการจดรายชื่อ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชาวบ้านได้ติดตามข่าว และดูสภาพจริงที่เกิดขึ้น และเติมน้ำมันรถเต็มถัง เตรียมพร้อมเพื่อการเดินทาง หากมีการอพยพ
เช่นเดียวกับ นายสมบูรณ์ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านแปดอุ้ม กล่าวว่า ปัจจุบันชาวบ้านมีความระแวง ชาวบ้านที่เคยไปหากินบนภูหลังเกิดเหตุก็ไม่สามารถขึ้นไปเก็บเห็ด เก็บของป่าได้ จากเหตุการณ์รุนแรง ตนต้องวิ่งหนี 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกเมื่อปี 2521 ชาวบ้านถูกกวาดต้อนไปกัมพูชา ซึ่งตอนนั้นตนยังเป็นเด็ก และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ทหารมาเพื่อปกป้องอธิปไตยตนเองก็ดีใจ ไม่อยากให้เพื่อนบ้านมาข่มขู่ไทยเกินไป
นางหนูเติม (สงวนนามสกุล) ราษฎรล้านโนนสูง กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านอยู่กันด้วยความระวัง ตื่นตกใจบ้างกับเหตุการณ์ แต่ก็ไม่มากนัก เนื่องจากเคยมีประสบการณ์เมื่อปี 2535 เกิดเหตุรุนแรงไทย-กัมพูชา ได้อพยพหนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านญาติ ที่ห่างออกไปเพื่อความปลอดภัย