เหยื่อ ‘ทองทิพย์’ 200 คน รวมตัวร้อง สอท. เสียหายรวมกว่า 85 ล้านบาท
เหยื่อ ‘ทองทิพย์’ 200 คน รวมตัวร้อง สอท. เสียหายรวมกว่า 85 ล้านบาท
เหยื่อกว่า 200 คนร้องทุกข์ตำรวจไซเบอร์ หลังซื้อขายทองผ่านช่องทางออนไลน์ แต่กลับไม่ได้ทองตามที่กำหนด เสียหายกว่า 80 ล้านบาท
7 ต.ค.67 จากกรณีทีมงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายกว่า 200 คน เดินทางเข้าบัญชีกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ 'คุณใบหนาด' หลังซื้อทองคำผ่านช่องทางไลฟ์สดทางออนไลน์ แอปพลิเคชั่นหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ทองคำตามที่ตกลงซื้อขายกันเอาไว้
จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 500 คน วันนี้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์จำนวนกว่า 200 คน ตำรวจได้คัดแยก ผู้เสียหายออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เข้าแจ้งความแล้ว กับกลุ่มที่ยังไม่ได้แจ้งความ
ด้าน พลตำรวจตรี จิระวัฒน์ พยุงธรรม รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจทราบว่าคดีนี้มีผู้เสียหายประมาณ 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาท โดยมีประมาณ 200 คนที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้รวมคดีผู้เสียหายทั้งหมด โดยมอบหมายให้ บช.สอท. เป็นผู้รับผิดชอบ ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
ด้าน พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า การกระทำของผู้ขายทองดังกล่าว มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคด้วย โดย บช.สอท. ได้เตรียมพนักงานสอบสวนจำนวน 35 นาย ไว้รองรับในการสอบปากคำผู้เสียหาย
ส่วนพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหา พลตำรวจตรีนิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 เผยว่า เบื้องต้นจะหลอกล่อให้ผู้เสียหายมีการซื้อทองผ่านทางโซเชียลมีเดียในราคาที่ถูก ซึ่งหากซื้อเพิ่มขึ้น ราคาทองก็จะถูกลง ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่ซื้อ ผู้เสียหายก็ได้รับของจริง จนทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก แต่ภายหลังเมื่อซื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกลับไม่ได้รับทองคำตามที่กำหนด ลักษณะเป็นการหมุนเงิน นำเงินจากผู้เสียหายกลุ่ทหลัง ไปจ่ายให้กับกลุ่มแรก เมื่อหมุนเงินไม่ทันกับปริมาณซื้อขายก็ทำให้เกิด สภาวะขาดทุน และไม่สามารถหาทองคำส่งให้กับลูกค้าได้
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เชื่อว่าหลักฐานที่มีทั้งหมดและพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหา เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนและนำข้อมูลเอาไปใช้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งหลังจากนี้อยู่ที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนคดี และอาจจะเข้าข่ายการฟอกเงิน โดยหลังจากนี้ตำรวจจะส่งหลักฐานให้ ปปง.ตรวจสอบอายัดทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน
โดยหนึ่งในผู้เสียหาย ให้ข้อมูล สาเหตุที่ตัดสินใจซื้อทองที่บริษัทแห่งนี้ ส่วนนึงมาจากความน่าเชื่อถือ ซึ่งตนเคยเห็น 'ใบหนาด' จ้างนักร้องหญิงชื่อดังไปร่วมกิจกรรม และงานวันเกิด โดยอ้างว่าจะมีกิจกรรมชิงทอง ซึ่งต้องจ่ายค่าลงทะเบียนก่อนเข้างาน ซึ่งจุดนี้ทำให้ผู้เสียหายหลายคนหลงเชื่อ เพราะใช้นักร้องมาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวพิมผกา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า ตนได้เห็นห้างเพชรทองธาดาโกลด์ผ่านทางติ๊กต่อก จึงสนใจที่จะซื้อและได้ไปหาข้อมูลของทางร้านก็พบว่ามีการจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดของ บจก.อย่างถูกต้อง จึงได้ตัดสินใจสั่งซื้อสั่งจอง เพราะเชื่อมั่นว่า ทางบริษัทน่าจะมีการจัดส่งทองจริงๆ เพราะว่า แม่ค้ามักจะมีการพูดผ่านทางไลฟ์สดบ่อยๆ ว่า มีคนได้ทองจริง ๆ หรือไม่ อีกทั้งยังมีคนรีวิวค่อนข้างเยอะ
โดยโปรโมชั่นแรกที่ตนได้ซื้อ เป็นโปรโมชั่นนาทีทอง เป็นทองคำแท่งหนัก 1 บาท ราคา 25,000 บาท ซึ่งการสั่งซื้อครั้งแรก ตนยอมรับว่า ยังไม่ได้ทอง แต่แม่ค้าก็มีการจัดโปรเรื่อยๆ และตนก็สั่งซื้อเรื่อยๆ แบบไม่เอะใจอะไร รวมทั้งสิ้นตนสั่งจองไปทั้งหมด 7 ครั้ง ยอดความเสียหายอยู่ที่ 270,000 บาท / โดยทั้ง 7 ครั้งนี้สั่งซื้อในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพียงเดือนเดียว
จากนั้นตนเริ่มได้มีการทวงถามกับทางร้านว่า เหตุใดยังไม่ได้ทองที่สั่งซื้อ ซึ่งทางร้านก็ได้มีการแจ้งกลับมาว่าอยู่ระหว่างรอรอบจัดส่งจากทางโรงงาน โดยตนก็ยอมรอความคิดว่าได้จริง อีกครั้งยังมีคนรีวิวว่า ได้รับสินค้าจริง
จนกระทั่งตนเริ่มรู้สึกเอะใจ เนื่องจากได้พบข้อมูลจากเพจ Facebook เพจหนึ่งว่ามีคนไปร้องเรียนว่าไม่ได้ของ เนื่องจากสั่งของไป 6 เดือนแล้ว ตนจึงเริ่มรู้สึกใจไม่ดีและเริ่มเอะใจว่า เหตุใด 6 เดือนแล้วยังไม่ได้ของ ซึ่ง สาเหตุที่ตนมาวันนี้เพราะอยากได้เงินคืนเท่านั้น ไม่ได้อยากได้ทองแล้วเพราะตนมีลูกที่ต้องเลี้ยงดู
ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังเกาะติดความเคลื่อนไหวในการแจ้งความอยู่ ก็ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาเข้ามาเพื่อร้องเรียนกับ ”ทนายรณณรงค์“ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการส่งข้อความส่งข้อความมาหาทีมงาน โดยระบุว่าจับใจความว่า “ อยากจะคิดสั้น เนื่องจากเงินเก็บเงินเก็บที่เก็บหอมรอมริบที่เก็บมาทั้งชีวิตทั้งของตนและแม่ ได้นำไปลงทุนกับการซื้อทองกับใบหนาด ก่อนจะถูกโกงจนหมดตัว มูลค่าหลักล้าน”
โดยระหว่างที่มีการพูดคุยกับทนายรณรงค์นั้น หญิงสาวคนดังกล่าวมีลักษณะน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับร้องไห้พร้อมกับปรับทุกกับทนายรณรงค์ ซึ่งทางด้านทนายก็มีการพูดคุยเตือนสติ พร้อมทั้ง แนะนำให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ คุยและการโอนเงินทางข้อความการพูดคุยและการโอนเงิน เพื่อเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีการย้ำกับผู้เสียหายประมาณว่า "อย่าพึ่งคิดอะไร คนที่มันโกงยังลอยนวลอยู่เลย รอดูหน้ามันก่อน"