“เรืองไกร” ยื่น กกต.ฟัน “แพทองธาร” ปมไทม์ไลน์ลาออกจากบริษัท-ถูกพ่อครอบงำ

“เรืองไกร” ยื่น กกต.ฟัน “แพทองธาร” ปมไทม์ไลน์ลาออกจากบริษัท-ถูกพ่อครอบงำ

45404 ก.ย. 67 13:42   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“เรืองไกร” โผล่ กกต. ยื่นหนังสือร้องตรวจสอบเอาผิด กรณีไทม์ไลน์การลาออกจากบริษัท 20 แห่งของ “แพทองธาร” ไม่ชัดเจน ซ้ำปล่อยให้พ่อมาครอบงำ อาจหมดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี

(4 ก.ย. 67) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี 2 เรื่อง คือ


1.เรื่องการลาออกจากกรรมการ 20 บริษัท เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่


2.เรื่องการปล่อยให้นายทักษิณ ครอบครองขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่


นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ตัวเองมายื่นร้องให้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกคือประเด็นการลาออกจากกรรมการ 20 บริษัท เพราะไทม์ไลน์มีหลายจุดที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งจากเอกสารพบว่านางสาวแพทองธารมีการทำหนังสือลาออกมอบอำนาจ 15 ส.ค. 2567 แต่ส่งทีมกฎหมายยื่นจดทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 19 ส.ค. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่งคดีตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน 14 ส.ค. เพียงวันเดียว ซึ่งนางสาวแพทองธาร ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 


โดยคำขอจดทะเบียนบริษัท (แบบ บอจ.1) ลงรับวันที่ 19 สิงหาคม 2567 แต่มีข้อความในท้ายของแบบว่า “ขอรับรองว่าผู้ขอจดทะเบียนได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าข้าพเจ้าจริง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ลงชื่อ สมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา” และคำขอดังกล่าวลงนามโดย พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และ อุดมศักดิ์ โง้วศิริ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ / และคำรับรองการจดทะเบียนบริษัท ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2567 (2) ระบุว่า “ได้มีหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ แพทองธาร ชินวัตร ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2567 บริษัทได้รับเมื่อ 15 สิงหาคม 2567 หนังสือมอบอำนาจของบริษัท ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 แต่ไปเสียค่าอากรในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 ซึ่งจุดนี้จึงเป็นข้อสังเกตว่าเป็นการทำเอกสารย้อนหลังหรือไม่


นายเรืองไกร บอกอีกว่า อีกหนึ่งข้อสังเกตคือนางสาวแพทองธารได้ยื่นลาออกจากกรรมการบริษัท 20 บริษัท ซึ่งมี 4 ใน 20 บริษัท อยู่ที่ต่างจังหวัด 2 บริษัทอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี 1 จังหวัดอยู่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดลำพูน ซึ่งส่วนนี้เป็นข้อสังเกตว่าในวันที่ 15 ไป นางสาวแพทองธารได้ไปยื่นหนังสือด้วยตัวเองได้อย่างไรทั้งสี่จังหวัดในวันเดียว และมีการมอบอำนาจไปได้หรือไม่ เพราะตามข้อกฎหมายการลาออกกรรมการบริษัทจะต้องเดินทางไปยื่นด้วยตัวเองที่บริษัท ซึ่งวันนั้น สส.พรรคเพื่อไทยได้ประชุมเพื่อลงมติเสนอชื่อนางสาวแพทองธารให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย


ดังนั้น การลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ ของ แพทองธาร ชินวัตร จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ ในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 จริงหรือไม่ และถ้ามีการมอบอำนาจลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 เหตุใดจึงไม่ไปจดทะเบียนในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นวันศุกร์ และทำไมจึงไปจดทะเบียนในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 ซึ่งห่างกันอีก 4 วัน กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัย มีการทำเอกสารย้อนหลังหรือไม่ หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า มีการลาออกหลังจากวันที่ 16 สิงหาคม 2567 จะมีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ 


ซึ่งกรณีนี้จะคล้ายๆกับกรณีโอนถือหุ้นสื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ามีการทำเอกสารโอนหุ้นย้อนหลัง ส่งผลให้นายธนาธรพ้นจากตำแหน่ง สส. ทันที


ส่วนประเด็นที่ 2 เป็นเรื่องจริยธรรมของตัวนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนางสาวแพทองธารปล่อยให้นายทักษิณ ซึ่งเป็นพ่อมาครอบครองในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะนายทักษิณได้ออกมาให้สัมภาษณ์บอกว่าเป็นการครอบครองไม่ใช่ครอบงำ และท้าทายว่าใครอยากร้องก็ร้องให้ดัง ซึ่งการกระทำนี้ถือว่านายกรัฐมนตรียินยอมให้พ่อเข้ามาครอบครองจริง ซึ่งท่านเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินของคนไทยทุกคน ไม่สามารถทำได้ถือว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งวันนี้ตัวเองขอย้ำตามข้อกฎหมายได้ชัดเจนเพื่อให้คนที่ยังไม่เข้าใจแบะกล่าวหาว่าตัวเองกล่าวหาคลาดเคลื่อนได้เข้าใจ


ทั้งนี้นายเรืองไกรยืนยันว่า การยื่นร้องเรียนครั้งนี้ไม่ได้ร้องเรียนเพื่อหวังผลทางการเมืองแต่อย่างใด ตัวเองร้องเมื่อมีเหตุ ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองเปิดเผยคำร้องทุกครั้ง ไม่เคยปกปิดยื่นตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งหากยื่นตรวจสอบแล้วนางสาวแพทองธารสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ตัวเองก็จะยอมรับ ซึ่งก็ขอให้เป็นเช่นนั้นเมื่อท่านถูกตรวจสอบก็ต้องพิสูจน์ได้ แต่ที่ผ่านมาตัวเองได้ยื่นตรวจสอบหลายคนก็ร่วงหมด ตั้งแต่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง