จำใจขายข้าวเปลือกสด เหตุรัฐบาลไม่ชัดเจนมาตรการช่วยค่าเกี่ยว
จำใจขายข้าวเปลือกสด เหตุรัฐบาลไม่ชัดเจนมาตรการช่วยค่าเกี่ยว
ชาวนาจำใจเอาข้าวเปลือกสดไม่ผ่านการตากแห้งมาขาย แม้จะได้ราคาต่ำ เหตุต้องหาเงินจ่ายค่าปุ๋ยและค่ารถเกี่ยวข้าว หลังรัฐบาลยังไม่ชัดเจนเรื่องเงินช่วยเหลือค่าเกี่ยวข้าวไร่ละ 1,000 บาท
(8 พ.ย. 67) ชาวนาจากหลายอำเภอที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์บางส่วน ได้ทยอยนำผลผลิตข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวสดไม่ผ่านการตากแห้งใส่รถกระบะ และรถหกล้อ ไปขายให้กับผู้ประกอบการโรงสีข้าวในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยช่วงนี้โรงสีจะรับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 11 – 12 บาทขึ้นอยู่กับความชื้นและคุณภาพข้าว
สาเหตุที่ชาวนาเลือกนำข้าวเปลือกสดที่เก็บเกี่ยวใหม่ไปขายโดยไม่ผ่านการตาก เพราะต้องการนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว จ่ายค่าปุ๋ย และค่ารถเกี่ยว บางรายต้องการนำเงินไปชำระหนี้สินนอกระบบ และหนี้ ธกส.ที่กู้ยืมไปลงทุนทำนา เพราะปีนี้รัฐบาลยังไม่มีนโยบายหรือโครงการอะไรที่จะช่วยเหลือชาวนาเลย โดยเฉพาะค่าเก็บเกี่ยวที่รัฐบาลเคยช่วยไร่ละ 1,000 บาท ปีนี้ก็ไม่ได้รับจึงจำเป็นต้องนำข้าวสดไปขายตั้งแต่ต้นฤดู เพื่อหวังนำเงินไปใช้จ่าย
นายศุภสิทธิ์ อึ้งพัฒนากิจ เจ้าของโรงสีไฟสหพัฒนา อ.สตึก ระบุว่า ข้าวเปลือกที่ชาวนานำมาขายช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นข้าว กข 15 และเป็นข้าวเกี่ยวสดมากกว่าตากแห้ง โดยสาเหตุที่ชาวนาเร่งขายตั้งแต่ต้นฤดู เพราะต้องการเงินไปใช้จ่ายค่าปุ๋ย ค่ารถเกี่ยว
อย่างไรก็ตามอยากแนะให้ชาวนาตากข้าวเปลือกให้แห้งก่อนนำมาขาย จะได้ราคาที่สูงขึ้นซึ่งก็เป็นประโยชน์กับชาวนาเอง โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ 105 หากตากให้แห้งคาดว่าจะขายไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14 – 15 บาท และคาดว่าจะทยอยเก็บเกี่ยวช่วงสัปดาห์หน้า และชาวนาจะนำข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 มาเข้าคิวรอขายที่โรงสีคึกคักมากขึ้นไม่ต่ำกว่าวันละ 300 – 400 ราย