“ศาลรัฐธรรมนูญ” องค์กรอิสระชี้ชะตาการเมืองไทย
“ศาลรัฐธรรมนูญ” องค์กรอิสระชี้ชะตาการเมืองไทย
ย้อนดูที่มาและอำนาจหน้าที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ชี้ชะตาการเมืองไทยมานานกว่า 2 ทศวรรษ ก่อนถึงวันวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล-คุณสมบัตินายกฯ เศรษฐา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยในช่วงกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา “ศาลรัฐธรรมนูญ” เป็น 1 ในองค์กรอิสระที่มีบทบาทเป็นอย่างสูงต่อการเปลี่ยนแปลงและชี้ชะตาของการเมืองไทย จากความมุ่งหมายแรกเริ่มที่ตั้งใจจะให้เกิด “ตุลาการภิวัตน์” กระบวนการตรวจสอบอำนาจของฝ่ายบริหาร(รัฐบาล) และนิติบัญญัติ(รัฐสภา) โดยให้อำนาจตุลาการเป็นผู้เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว ก่อนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่การตรวจสอบถ่วงดุลแต่เป็นการใช้ทำ “นิติสงคราม” ที่มีเป้าหมายทางการเมืองต่างหาก
ก่อนที่จะถึงการอ่านคำวินิจฉัยคดีสำคัญ 2 คดี คือ คดีร้องยุบพรรคก้าวไกล จากการชูนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในวันที่ 7 ส.ค. 2567 และคดีคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จากปมการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฯ จะมีคำวินิจฉัยในวันที่ 14 ส.ค. 2567 ข่าวเวิร์คพอยท์23 จะชวนกลับไปที่มาและอำนาจหน้าที่ของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” กันอีกสักครั้ง
“ศาลรัฐธรรมนูญ” คืออะไร
ศาลรัฐธรรมมนูญ เป็นองค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 เพื่อขึ้นมาแทนคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ยุบเลิกไป มีการจัดตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2540 เป็นองค์กรที่พิทักษ์ความเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจและหน้าที่ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายและข้อขัดแย้งต่างๆ รวมถึงอำนาจหน้าที่ขององค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยจะนำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาใช้บังคับกับข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ซึ่งคำวินิจฉัยที่ออกมานั้น จะมีผลผูกพันกับทุกองค์กร
นอกจากการวินิจฉัยข้อกฎหมายและอำนาจหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญยังมีหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอีกด้วย โดยประชาชนที่รู้สึกว่าตนเองนั้นถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ สามารถยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงมีหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ระบอบการปกครอง และความมั่นคงแห่งรัฐอีกด้วย
ขอบเขตของการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นก็ครอบบคลุมตั้งแต่ร่างกฎหมาย ร่างระเบียบข้อบังคับต่างๆ ไปจนถึงหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ และการวินิจฉัยคุณสมบัติของนักการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ
“ศาลรัฐธรรมนูญ” มาจากไหน?
นับตั้งแต่มีการเริ่มจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญในปี 2540 เราอาจแบ่งศาลรัฐธรรมนูญออกเป็น 4 ยุค ตามการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 2540, 2549(ชั่วคราว), 2550, และ 2560 โดยแต่ละยุคจะมีที่มาของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่แตกต่างกันไป
รัฐธรรมนูญ 2540 - กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรวม 15 คน พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคลต่อไปนี้
- ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวน 5 คน
- ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีการลงคะแนนลับ จำนวน 2 คน
- ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ซึ่งได้รับเลือกจากวุฒิสภา โดยการสรรหาและจัดทำบัญชีรายชื่อของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 5 คน
- ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ ซึ่งได้รับเลือกจากวุฒิสภา โดยการสรรหาและจัดทำบัญชีรายชื่อของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 3 คน
รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 - ในมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ระบุให้ตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ มีสมาชิกจำนวน 9 คน ขึ้นมาทำหน้าที่แทนศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิกไปพร้อมการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 โดยการรัฐประหาร ซึ่งคณะตุลาการดังกล่าวประกอบด้วย
- ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน
- ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นรองประธาน
- ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา โดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวน 5 คน เป็นตุลาการ
- ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้รับเลือกโดยทีประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวน 2 คน เป็นตุลาการ
รัฐธรรมนูญ 2550 - กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งกับและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 8 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคลต่อไปนี้
- ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวน 3 คน
- ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวน 2 คน
- ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์อย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 คน
- ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์อื่น ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารราชการแผ่นดินอย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 คน
รัฐธรรมนูญ 2560 - กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบุคคลดังต่อไปนี้
- ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าขณะในศาลฎีกามาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จำนวน 3 คน
- ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการศาลปกครองสูงสุดมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งได้รับคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวน 2 คน
- ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ซึ่งได้รับสรรหาจากผู้ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และยังมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 1 คน
- ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งได้รับสรรหาจากผู้ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และยังมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 1 คน
- ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้รับหรือเคยรับราชการ ในตําแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือตําแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จํานวน 2 คน
“คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ชุดปัจจุบันมีใครบ้าง
สำหรับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน(สิงหาคม 2567) ประกอบด้วย
- นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองการปกครอง เป็นอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ
- ปัญญา อุดชาชน อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
- อุดม สิทธิวิรัชธรรม อดีตประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา
- วิรุฬห์ แสงเทียน อดีตประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา
- จิรนิติ หะวานนท์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาและกรรมการกฤษฎีกา
- นภดล เทพพิทักษ์ อดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นเอกอัครราชทูตประจำหลายประเทศ
- บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ อดีตตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด
- อุดม รัฐอมฤต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมการกฤษฎีกา
- สุเมธ รอยกุลเจริญ อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด
ประมวลคดีสำคัญ “ศาลรัฐธรรมนูญ”
- 30 พ.ค. 2550 ยุบพรรคไทยรักไทย และ 3 พรรคการเมืองขนาดเล็ก จากคดีจ้างลงเลือกตั้ง
- 9 ก.ย. 2551 วินิจฉัยให้ “สมัคร สุนทรเวช” หมดคุณสมบัติ-หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีที่นายสมัครเป็นพิธีการรายการ “ชิมไป บ่นไป” เข้าข่ายเป็นลูกจ้างเอกชน
- 2 ธ.ค. 2551 ยุบพรรคพลังประชาชน ขยายผลจากคดีทุจริตการเลือกตั้งของ ยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคในขณะนั้น
- 29 พ.ย. 2553 ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค 258 ล้านจากบริษัททีพีไอโพลีน
- 8 ม.ค. 2557 ล้ม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เพื่อปรับปรุงระบบคมนาคมของประเทศ(รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง) โดย สุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้นให้ความเห็นในตอนหนึ่งว่า “เอาถนนลูกรังให้หมดไปจากประเทศไทยก่อน ทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จก่อนไปคิดถึงระบบความเร็วสูง”
- 24 มี.ค. 2557 วินิจฉัยให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 2 ก.พ. 2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่สามารถจัดให้ลุล่วงได้ภายในวันเดียว
- 7 พ.ค. 2557 วินิจฉัยให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีศาลปกครองสูงสุดสั่งให้การโยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นไปโดยมิชอบ
- 7 มี.ค. 2562 ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี
- 18 ก.ย. 2562 วินิจฉัยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ”
- 20 พ.ย. 2562 สมาชิกสภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จากคดีถือหุ้นสื่อ
- 21 ก.พ. 2563 ยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีกู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท จากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
- 10 พ.ย. 2564 วินิจฉัยว่าข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของแกนนำกลุ่มราษฎรในการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563–2564 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
- 30 ก.ย. 2565 วินิจฉัยการนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าให้นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มีผลบังคับใช้
- 24 ม.ค. 2567 วินิจฉัยให้การถือหุ้น iTV ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ
ที่มา:
- https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%8D_(%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2)
- https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%8D_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2549
- https://www.constitutionalcourt.or.th/th/occ_web/sub.php?nid=11622
- https://prachatai.com/journal/2019/02/81029
- https://hilight.kapook.com/view/95935