จับ 2 หนุ่มใต้ขนยาไอซ์ 54 กก.คาสนามบินอุดรฯ

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 มี.ค.68 ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี , พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จ.อุดรธานี , นางทิพย์วรรณ วังศานุวัตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี , พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี , พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับขบวนการขนยาเสพติด ประกอบด้วย 

1. นายมะซับรี (สงวนนามสกุล) อายุ อายุ 42 ปี บ้านอยู่หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 
2. นายนัสมี (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี บ้านอยู่หมู่ 3 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี 

โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 54 กิโลกรัม กระเป๋าเดินทาง 3 ใบ ภาพถ่ายจากเครื่องสแกนกระเป๋าในท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี โดยกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” จับกุมได้ที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี เมื่อเวลา 12.37 น. เมื่อวันที่ 16 มี.ค.68 

พ.ต.อ.อนุศักดิ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่อากาศยานนานาชาติอุดรธานี ได้สแกนตรวจกระเป๋าผู้โดยสาร 2 คน 3 ใบ ซึ่งภายในกระเป๋าคล้ายมีวัตถุระเบิด และเจ้าของกระเป๋าท่าทีมีพิรุธ จึงได้แจ้งนางทิพย์วรรณ ผอ.ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานีให้ทราบ และประสานตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ พบว่า ภายในกระเป๋ามียาไอซ์บรรจุถุงพลาสติก สีเขียว ซึ่งเป็นหีบห่อของใบชาแบบสูญญากาศ หุ้มด้วยกระดาษฟอยล์ ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าใบแรก 17 ห่อ ใบที่สอง 18 ห่อ และใบที่สาม 19 ห่อ รวม 54 ห่อๆ ละ 1 กิโลกรัม รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท 

จากการสอบสวน นายมะซับรี และ นายนัสมี สองผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเจ้าของกระเป๋าทั้ง 3 ใบ ให้การว่า ได้มีนายทุนว่าจ้างให้มาขนยาเสพติดที่ จ.อุดรธานี โดยนั่งเครื่องจากสนามบินหาดใหญ่ มาลงที่สนามบินดอนเมือง แล้วนั่งต่อมาที่สนามบินอุดรธานี เมื่อมาถึง จ.อุดรธานี ได้มีคนขับรถจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน นำกระเป๋า 3 ใบมามอบให้ พร้อมกับตั๋วเครื่องบินสายการบินสายการบินแห่งหนึ่ง จากสนามบินอุดรธานี ไปสนามบินดอนเมือง โดยผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดการให้ทั้งหมด 

รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยอีกว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพว่า ได้ค่าจ้างคนละ 2 หมื่นบาท ปลายทางที่กรุงเทพฯ ซึ่งไม่ทราบว่าจะมีใครมารับช่วงต่อ หรือนำลงไปทางภาคใต้ และเพิ่งรับจ้างขนยาเสพติดเป็นครั้งแรก แต่ตำรวจไม่เชื่อ ซึ่งผู้ต้องหารู้ว่าต้องขนยาเสพติด และห่อหุ้มยาเสพติดด้วยกระดาษฟอยล์แบบหนา เพื่อป้องกันเครื่องสแกน จึงได้เลือกขนยาเสพติดทางเครื่องบิน เพื่อย่นระยะทางให้รวดเร็วยิ่งขึ้น 

ส่วนนายทุนหรือผู้ว่าจ้าง ตำรวจทราบชื่อแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และกำลังขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสอง เคยมีประวัติขนแรงงานต่างด้าวและเสพยาเสพติดมาแล้วด้วย - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน