โกลาหลโรงพยาบาล! พระภิกษุประเคนหมัดใส่ผู้ช่วยพยาบาลเจ็บ

โกลาหลโรงพยาบาล! พระภิกษุประเคนหมัดใส่ผู้ช่วยพยาบาลเจ็บ

110911 มี.ค. 68 15:28   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

พระสงฆ์อาละวาดตาขวางกระโดดต่อยผู้ช่วยพยาบาล 2 ครั้ง จนเซต้องวิ่งหนีโกลาหล ญาติคนไข้ รปภ.ต้องช่วยกันระงับเหตุ ก่อนล็อกตัวไว้ได้ พบประวัติเป็นโรคลมชักและคล้ายจิตเวช

(11 มี.ค.68) พ.ต.ท.สมนึก คิดถูก รอง ผกก.ป.สภ.เมือง ลพบุรี ได้รับแจ้งจาก รปภ.รพ.พระนารายณ์มหาราช ว่ามีพระภิกษุคลุ้มคลั่งทำร้ายเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ชั้น 2 ขอกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบพระภิกษุธนิศธร อายุ 49 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พยาบาลได้นำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อรักษาอาการเบื้องต้น ซึ่งอยู่ในอาการสงบแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยจึงได้ตรึงกำลังไว้ท่ามกลางสายตาคนไข้ ญาติคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการอย่างคับคั่ง 

      

ด้านพ่อของพระธนิศธร ซึ่งกังวลกับอาการของลูกว่า ลูกป่วยด้วยโรคลมชักตั้งแต่เด็ก เข้ารับการรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง แต่อาการก็ทรงตัว จนมาเกิดอาการเซื่องซึมจนต้องเข้ารักษาอาการจากจิตแพทย์อีกโรค ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่มารักษาคงเกิดอาการลมชัก ผสมกับจิตเวชจนอาละวาดทำร้ายพยาบาล ซึ่งคงต้องปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเรื่องการดำเนินคดี และอยากจะขอโทษเจ้าหน้าที่ๆถูกทำร้าย และได้ปรึกษากับสำนักพุทธ และเจ้าอาวาสวัดเพื่อทำการสละสมณเพศไปก่อน เพื่อเข้ารักษาอาการให้ดีขึ้น หรือหายขาดเกรงเกิดอันตรายกับบุคคลอื่นอีก

       

ด้านนายแพทย์ปิยะเดช วลีพิทักษ์เดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุการณ์ ในเบื้องต้นทราบว่าพระภิกษุที่มารักษาอาการเป็นผู้ป่วยนอก แรกยังอยู่ในอาการสงบ จู่ๆ เกิดอาการตาขวาง ก้าวร้าวด่าทอ จนผช.พยาบาล ที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปสอบถามอาการด้วยความเป็นห่วง โดยที่ไม่ทันระวังตั้งตัวพระภิกษุธนิศธร ได้ปรี่เข้าหาต่อยที่หน้าอกใบหน้าไป 2 ครั้งจนเซถลา จากนั้นญาติคนไข้ รปภ.ได้ช่วยกันควบคุมตัวเอาไว้ได้ นำส่งรักษาอาการแล้ว ส่วน ผช.พยาบาลที่ได้รับบาดเจ็บ ฟกช้ำ ให้พักรักษาตัว รวมถึงรักษาจิตใจที่ยังตื่นตกใจกับเหตุการณ์ 


ด้านพ.ต.ท.สมนึก คิดถูก รอง.ผกก.ป.สภ.เมืองลพบุรี ยังคงเฝ้าดูความสงบเรียบร้อยให้กับทาง รพ. โดยพระภิกษุธนิศธร ได้ถูกนำตัวส่งไปยังห้องอายุรกรรมชายชั้น 1 หลังจากแพทย์ได้ทำการรักษา ฉีดยานอนหลับให้เพื่อลดอาการคลุ้มคลั่ง ซึ่งได้นิมนต์เจ้าอาวาสมาเพื่อทำการสึกจากการเป็นพระเพื่อเจ้าหน้าที่จะได้รักษาอาการได้สะดวก ในส่วนของคดีต้องรอผู้เสียหายอีกครั้ง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง