พ่อร้องสื่อ! หวั่นไม่เป็นธรรมหลังลูกชายวัย 17 ปี ถูกตำรวจใช้ปืนจ่อ และทำร้ายร่างกายกลางดึก

พ่อร้องสื่อ! หวั่นไม่เป็นธรรมหลังลูกชายวัย 17 ปี ถูกตำรวจใช้ปืนจ่อ และทำร้ายร่างกายกลางดึก

86111 มิ.ย. 68 17:44   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

พ่อร้องสื่อ! หวั่นไม่เป็นธรรมหลังลูกชายวัย 17 ปี ถูกตำรวจใช้ปืนจ่อ และทำร้ายร่างกายกลางดึก หลังมาช่วยน้าสาวขายทุเรียนในงานกาชาดประจำปีของดีเมืองลุง

(11 มิ.ย. 68) นายสุริยะ อายุ 44 ปี ได้พา นายณพรัตน์ หรือ "ปั้ม" อายุ 17 ปี ลูกชาย เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “จ่าสิบตำรวจ” ใช้อาวุธปืนข่มขู่และทำร้ายร่างกาย โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 00.05 น. ของวันเดียวกัน บริเวณถนนหลังพระพุทธนิรโรคันตราย ทางเข้าศาลากลางหลังเก่า


นายณพรัตน์ เล่าว่า ตนกำลังจะกลับไปช่วยนางสาวกนกวรรณ อายุ 37 ปี น้าสาว เก็บร้านขายทุเรียนในงานกาชาดจังหวัดพัทลุง หลังจากไปส่งนายนันทพงศ์ หรือ "บัส" วัย 21 ปี พี่ชาย ที่จอดรถยนต์ไว้บริเวณหลังพระพุทธนิรโรคันตราย ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์กลับร้าน จู่ ๆ มีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ตามมาและดักหน้า พร้อมใช้อาวุธปืนจ่อที่ใบหน้า ก่อนพูดว่า “มองหน้าทำไม” จากนั้นเก็บปืนแล้วต่อยเข้าที่ศีรษะหลายครั้ง และใช้มือกดคอหวังให้ล้มลง


นายบัส ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เห็นน้องชายกำลังถูกทำร้าย จึงรีบวิ่งเข้าช่วย แต่กลับถูกชายคนดังกล่าวชักปืนจี้อีกครั้ง พร้อมถามว่า “เกี่ยวข้องอะไรกับเขา” ทำให้นายบัส ต้องยกมือไหว้ร้องขอชีวิต และบอกว่าเป็นพี่ชายของผู้ถูกทำร้าย โชคดีที่ในจังหวะนั้นมีรถชาวบ้านขับผ่านมา ชายคนก่อเหตุจึงรีบขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป


ภายหลังทราบว่าชายคนดังกล่าวคือ จ่าสิบตำรวจสังกัดตำรวจสืบสวนภาค 9 ซึ่งมีแผงขายปลากัดอยู่ในงานกาชาดเดียวกัน


นางสาวกนกวรรณ ผู้เป็นน้าสาวของสองพี่น้อง กล่าวว่า ทั้งสองคนมาช่วยเธอขายผลไม้ ไม่เคยมีพฤติกรรมเกเร และเชื่อว่าที่เกิดเหตุเพราะต้องเดินผ่านหน้าแผงขายปลากัดของจ่าสิบตำรวจ โดยอาจมีการมองปลากัดเพราะความชอบส่วนตัวแต่ยืนยันว่าไม่ได้ก่อกวน หลานเป็นแค่เด็กมาช่วยขายของ กลับต้องมาเจอแบบนี้ คนเป็นตำรวจแท้ ๆ กลับใช้อำนาจข่มขู่หลาน ล่าสุดตั้งแต่หลังเกิดเหตุ จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้งเธอและหลานยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะหลานของเธอยังผวาและขวัญเสียอยู่ไม่หาย


ด้านนายสุริยะ พ่อของผู้เสียหาย ระบุว่า ครอบครัวรู้สึกไม่ปลอดภัยและเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตัดสินใจร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนอีกทาง แม้จะมีการแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่หลังเกิดเหตุ 

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกจ่าสิบตำรวจผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat