รู้จัก “ชัยเกษม นิติสิริ” นักกฎหมายมือเก๋า ตัวเต็งนายกฯ เพื่อไทย

รู้จัก “ชัยเกษม นิติสิริ” นักกฎหมายมือเก๋า ตัวเต็งนายกฯ เพื่อไทย

84915 ส.ค. 67 16:31   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เปิดประวัติ “ชัยเกษม นิติสิริ” อดีตอัยการสูงสุด นักกฎหมายมือเก๋าของเพื่อไทย แคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31

หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉันถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นในหน้าสื่อการเมืองก็ปรากฏชื่อของ “ชัยเกษม นิติสิริ” ว่าเป็นรายชื่อแคนดิเดตคนถัดไปที่พรรคเพื่อไทยจะผลักดันให้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


ศาตราจารย์พิเศษชัยเกษม นิติสิริ เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2491 พื้นเพเป็นฝั่งธน กทม. จบการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นจาก โรงเรียนอัสสัมชัญ มัธยมปลายจาก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 28 และจบการศึกษาปริญญาตรีแผนกนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยทุนการศึกษา ประเภทเรียนดี จากมูลนิธิจอห์น เอฟ เคนเนดี้ 


ต่อมาศึกษาระดับปริญญาโท L.L.M. จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนรัฐบาลตามความต้องการของกรมอัยการ (สำนักงานอัยการสูงสุด) และทุนของมูลนิธิ Starr ประเทศสหรัฐอเมริกา) และจบการศึกษาเนติบัณฑิต ไทยจากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา


เขาเริ่มรับราชการเป็นอัยการผู้ช่วย จังหวัดสมุทรสาคร อัยการประจำกอง กองคดี และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเรื่อยมา เขาเคยดำรงตำแหน่ง อัยการจังหวัดภูเก็ต เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอัยการสูงสุด


เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายปรึกษา พ.ศ. 2546 - 2550 ดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุดและตำแหน่งสูงสุด คือ อัยการสูงสุด ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 และเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด นายชัยเกษมเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากรณีมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ฟ้องร้องทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและยังเป็นหนึ่งในฐานะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ร่วมทำคำวินิจฉัยเรื่องเสร็จที่ 568-569/2549 เกี่ยวกับโครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว รวมทั้งสั่งไม่ฟ้องการทุจริตในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ


ในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ชัยเกษม ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์พิเศษ ในสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2555 นายชัยเกษม ได้รับตำแหน่งในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลายตำแหน่ง เช่นประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์คณะกรรมการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษกรรมการตรวจสอบ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียมกรรมการ คณะที่ 3 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556


ภายหลังจากการพ้นจากตำแหน่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการประกาศกฏอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร โดยผู้บัญชาการทหารบก และเขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาล ในการร่วมเจรจาหาทางออกวิกฤติการณ์ทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 แต่การเจรจาในครั้งนั้นไม่สามารถตกลงกันได้ เขายืนยันว่าคณะรัฐมนตรีรักษาการจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจยึดอำนาจการปกครองประเทศ​ เมื่อเวลา 16.30 น. วันเดียวกัน


ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ชัยเกษมเป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 3 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ


และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 เขาเป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง พร้อมกับแพทองธาร ชินวัตร และเศรษฐา ทวีสิน และลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อสังกัดพรรคเดิม ในลำดับที่ 10 และได้รับเลือกตั้ง แต่ต่อมาได้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 จากนั้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้ในการเสนอชื่อของนายชัยเกษม เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 นั้น ก็มี สส.ในพรรคเพื่อไทย รวมถึงบุคคลภายนอก แสดงความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของนายชัยเกษม เนื่องจากนายชัยเกษมมีอายุมากแล้ว ถึง 75 ปี และช่วงหาเสียงเลือกตั้งเคยมีอาการป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ก่อนจะมีการตรวจพบก้อนเลือดแห้งในสมอง 2 ้อน แต่นายชัยเกษมก็ระบุในการให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้สุขภาพของตนดีขึ้นมาแล้ว และมั่นใจว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง