ขยายผลจับกุมยาบ้า 10 ล้านเม็ด พร้อมของกลางอาวุธสงคราม 88 รายการ
ขยายผลจับกุมยาบ้า 10 ล้านเม็ด พร้อมของกลางอาวุธสงคราม 88 รายการ
ขยายผลจับกุมยาเสพติด 2 เครือข่าย ยึดยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด พร้อมของกลางอาวุธสงคราม 88 รายการ
(27 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด จนนำไปสู่การทำลายแหล่งพักยาเสพติดและตรวจยึดอาวุธสงครามได้จำนวนมาก
คดีแรก คือการสลายแหล่งพักยาเสพติด ในอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ยึดยาบ้าได้กว่า 10 ล้านเม็ดรวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท คดีนี้ตำรวจและทหาร ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าจำนวน 1,800,000 เม็ด เมื่อวันที่ 24 ส.ค.67 ที่ผ่านมา ที่โกดังในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ก่อนทราบว่า นายนิรุจน์ หรือ บอล (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่รับยาเสพติด จากกลุ่มผู้ลำเลียงทางภาคเหนือ นำมาเก็บไว้ โดยจะมีนายจิรวัฒน์ หรือ แจ็ค (สงวนนามสกุล) ทำหน้าที่ต้นทางคอยสังเกตเจ้าหน้าที่และนำยาเสพติดออกส่งให้ลูกค้า
โดยในช่วงเช้าวันที่ 23 ก.ย.67 นายนิรุต ได้รับยาเสพติดจากกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด แล้วนำมาเก็บไว้บ้านเช่า ในซอยราชพฤกษ์ อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นจุดพักยาเสพติด ชุดจับกลุ่มจึงกระจายกำลังเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. คืนเดียวกัน ทั้งสองคนได้เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าว ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเข้าจับกลุ่มและตรวจค้น จนสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ดังกล่าว
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ"
คดีที่ 2 คือ การจับผู้ค้ายาเสพติดพร้อมขยายผลยึด อาวุธสงคราม 88 รายการ โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ย.67 ที่ผ่านมา ตำรวจได้จับกุมนายสมพงษ์ หรือ เอ็ม (สงวนนามสกุล) ที่หอพักแห่งหนึ่ง ในอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พร้อมตรวจยึดยาบ้าได้ กว่า 1,000 เม็ด จึงขยายผลมาตรวจค้นบ้านพักของนายสมพงษ์ ที่จังหวัดสระบุรี และสามารถตรวจยึดอาวุธสงครามได้อีกหลายรายการ ซึ่งนายสมพงษ์ซื้ออาวุธสงครามที่ตรวจยึดได้มาจากนายอภิเชษฐ์ หรือ หมู (สงวนนามสกุล) ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลจังหวัดสระบุรี ออกหมายจับจนสามารถติดตามจับกุมนายอภิชาติ ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในอำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว สามารถตรวจยึดอาวุธสงครามได้เพิ่มเติมหลายรายการ ทั้งปืนยิงจรวดอาร์พีจี 2 และอาวุธปืนเล็กยาวเอเค 47
โดยได้ดำเนินคดีกับนายสมพงษ์ ในความผิดฐาน "มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย" และ "ร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย"
ส่วนนายอภิเชษฐ์นั้น ดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย" และจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ
ด้าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า อาวุธสงครามที่สามารถตรวจยึดได้ หลังจากนี้จะมีการสืบสวนขยายผล ซึ่งจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า การค้าอาวุธสงครามมีการส่งต่อไปจำหน่าย หรือแลกเปลี่ยนให้กับชนกลุ่มต่างๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ส่วนนี้ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากยังอยู่ในแนวทางการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผล