หัวอกแม่! โพสต์ลูกชาย ป.3 ถูกครูทำโทษ ให้เพื่อนผลัดกันหยิกหู จนเขียวช้ำอักเสบ

หัวอกแม่! โพสต์ลูกชาย ป.3 ถูกครูทำโทษ ให้เพื่อนผลัดกันหยิกหู จนเขียวช้ำอักเสบ

40802 ก.พ. 68 11:09   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

หัวอกคนเป็นแม่! โพสต์ภาพลูกชายเด็กนักเรียน ชั้นป. 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งอำเภอหางดง ถูกครูทำโทษโดยให้เพื่อนผลัดหยิกหูจนเขียวช้ำ ถามการลงโทษแบบนี้ทำเกิดกว่าเหตุหรือไม่ พาลูกไปหมอพบใบหูอักเสบ สุดทนเข้า สภ.แจ้งความทันที

(2 ก.พ.68) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพเด็กชายที่ใบหูเขียวช้ำ ทั้งสองข้าง โดยมีข้อความว่า ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในหางดง สั่งสอนเด็กด้วยการชี้แนะให้เด็กทำร้ายร่างกายกันเอง ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชาย ให้ดึงหูกันถ้าไม่ร้องห้ามหยุด หลังโพสต์นี้ถูกแชร์ในกลุ่มหนองควายมาร์เก็ตเพลสV2 ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมากของการลงโทษที่ครูทำกับเด็กนักเรียนชั้น ป. 3 ว่าทำรุนแรงเกินไปไหม


นางสาวธนัญชนก อายุ 30 ปี เจ้าของโพสต์ เล่าว่า เด็กชายที่อยู่ในภาพนั้นคือน้องโฟกัส ลูกชายอายุ 9 ขวบเด็กนักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่  ที่ถูกครูผู้ชายทำโทษจนหูอักเสบ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม  2568 โดยช่วงวันนั้นน้องโฟกัสไปทัศนศึกษากลับมาช่วงเย็น คุณพ่อก็ไปรับปกติเหมือนทุกวัน


พอกลับมาที่บ้าน คุณน้าเห็นว่าทำไมน้องโฟกัสหูแดงมาก แดงเป็นเลือด พอถามน้องโฟกัสก็จะบ่ายเบี่ยงว่าไม่เป็นไรเล่นกับเพื่อนมา ซึ่งในส่วนตัวคิดว่าเด็กน่าจะกลัวความผิดส่วนหนึ่ง เลยไม่กล้าพูด ซึ่งวันนั้นเธอไม่อยู่ร้านไปเฝ้าย่าทวดที่ รพ.สันป่าตองกลับมาถึงบ้านประมาณสองทุ่ม น้องก็หลับไปแล้วเธอจึงไปเรียกน้องโฟกัสตื่นขึ้นมาถาม ว่าใบหูของน้องไปโดนอะไรมาเล่าความจริงมาให้แม่ฟัง 


ตอนแรกน้องก็ยังไม่กล้าบอกๆว่าเล่นกับเพื่อนมา แต่แม่ก็บอกว่าไม่น่าใช่เพราะถ้าเล่นแรงแบบนี้ครูก็น่าจะแจ้งแม่แล้ว ให้น้องบอกความจริงกับแม่มา หนูไปทำอะไรมา กระทั่งน้องยอมบอกความจริงว่า ครูสั่งให้เพื่อนหยิกหู สาเหตุมาจากอะไร น้องก็ไม่ยอมตอบ แม่จึงได้ไลน์ไปถามครูประจำชั้นแต่ครูก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรหูเป็นแผล แต่เดี๋ยวครูจะถามครูผู้ชายให้ว่าเกิดอะไร ทราบว่าน้องถูกทำโทษเนื่องจากไปขู่เอาเงินเพื่อน  


ครูผู้ชายจึงได้ลงโทษโดยที่ให้น้องโฟกัสกับน้องน้ำอิง ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงเปลี่ยนกันหยิก หู ทั้งสองข้างจนกว่าจะมีคนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องออกมา ตอนแรกแม่ก็ไม่ว่าอะไรแต่พอตอนเช้าอีกวันที่ 31 ม.ค. 68 น้องตื่นมามีอาการเหมือนไม่สบาย หลังเลิกเรียนกลับมาใบหูเขียวช้ำกว่าเดิม แม่จึงตัดสินโทรหาครูประจำชั้นอีกครั้ง ซึ่งครูประจำได้ให้ครูผู้ชายที่ลงโทษเด็กโทรกลับมาหาแม่ และพูดคุยถึงเรื่องราวดังกล่าว  


โดยครูบอกว่าครูได้ให้เด็กหยิกหูกัน 10 ครั้ง ถ้าใครไม่ร้องไม่ให้หยุด ดังนั้นน้องน้ำอิงจึงหยิกหูอย่างแรง เพื่อให้ร้อง ครูถึงจะหยุดทำโทษ ตนจึงถามครูผู้ชายที่ลงโทษกลับไปว่าครูลงโทษเด็กแบบนี้มันเกินกว่าเหตุไปไม ซึ่งครูคนดังกล่าวตอบกลับมาว่าปกติครูก็ลงโทษเด็กแบบนี้อยู่แล้วแต่ไม่ถึงขั้นนี้ พึ่งมาเป็นหนักที่ลูกคุณแม่ ตนจึงย้อนถามกลับไปว่าครูมีพฤติกรรมรุนแรงกับเด็กแบบนี้หรือ  


ถ้าเด็กมีพฤติกรรมไม่ดี ทำไมครูไม่ลงโทษแบบอื่นหรือว่าแจ้งผู้ปกครองให้ทราบก่อน ไม่น่าให้เด็กสองคนที่เป็นเด็กผู้ชายและผู้หญิงมาหยิกหูกันเพื่อทำโทษ ซึ่งมองว่าการลงโทษดังกล่าวนั้น เป็นการสร้างพฤติกรรมรุนแรงให้กับเด็กและเป็นการปลูกฝังความก้าวร้าวให้เด็กผู้ชายรังแกผู้หญิงได้ หลังเกิดเหตุได้พาน้องโฟกัสลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่า น้องหูอักเสบให้ยามาทาและรับประทาน   


ก่อนที่พ่อของน้องจะเข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.หางดงเพื่อเอาผิดครูที่ลงโทษเด็ก โดยยืนยันจะดำเนินคดีให้ถูกที่สุด เพื่อเป็นคดีตัวอย่างและไม่ต้องการให้ครูคนนี้ไปลงโทษเด็กคนอื่นแบบนี้อีก  


ขณะที่น้องโฟกัส เด็กชายที่ถูกทำโทษ บอกว่า ตอนนี้ตนเองกลัว ยอมรับว่าไม่กล้าพูดความจริงกับแม่ เพราะกลัวแม่ไปเอาเรื่องครู ตนเองได้ไปขู่เอาเงินเพื่อนจริง แต่ทำเล่นๆ หลังจากนี้จะไม่ทำอีก และเข็ดแล้วที่ถูกครูทำโทษ ส่วนอาการเจ็บหูนั้น ขณะนี้ก็ยังเจ็บบริเวณใบหูอยู่ นอนตะแคงไม่ได้ ส่วนน้ำอิงนั้นที่ไม่เจ็บเยอะ เพราะตนไม่ได้หยิกแรงเพราะแม่สอนว่าไม่ให้รังแกผู้หญิงตนจึงไม่กล้าหยิกเพื่อนแรง


โดยผู้อำนวยการโรงเรียนที่น้องเรียนอยู่ได้โทรมาหาคุณแม่ และนัดไปพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยในวันจันทร์ ที่ 3 กพ. 68

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง