สว.สหรัฐฯ ร่อนจดหมาย กังวลคดียุบพรรค “ก้าวไกล”
สว.สหรัฐฯ ร่อนจดหมาย กังวลคดียุบพรรค “ก้าวไกล”
วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ร่อนจดหมายถึง “มาริษ” รมต.ต่างประเทศไทย แสดงความกังวล ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีพรรคก้าวไกลอาทิตย์หน้า หวังรัฐบาลไทยเคารพเจตจำนงของประชาชน ยึดแนวทางประชาธิปไตยและนิติธรรม
(3 ส.ค. 67) วุฒิสมาชิกเบน คาร์ดิน ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา มีจดหมายถึงนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แสดงความกังวลถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการสั่งยุบพรรคก้าวไกล
โดยวุฒิสมาชิกคาร์ดินเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยึดมั่นในค่านิยมร่วมระหว่างสองชาติ ซึ่งเป็นรากฐานของความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ-ไทยมาช้านาน โดยเดินหน้าในช่วงเวลานี้ด้วยการมุ่งมั่นต่อประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
โดยในจดหมายดังกล่าว วุฒิสมาชิกคาร์ดินได้กล่าวถึงการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ของไทย เป็นการเลือกตั้งที่มีคนออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ ถึง 39 ล้านคน และชัยชนะของพรรคก้าวไกลนั้นสะท้อนเจตจำนงและเสียงของประชาชนกว่า 14 ล้านคน แต่กลับไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และถูกยื่นยุบพรรคโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
หากพรรคก้าวไกลถูกตัดสินยุบจะกระทบถึงสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายล้านคนเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูปประชาธิปไตย และการยุบพรรคนี้จะทำลายความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นค่านิยมร่วมกันที่ยึดโยงความสัมพันธ์ทวิภาคีของสหรัฐอเมริกาและไทยมานานกว่า 190 ปี
ข้อความฉบับเต็มในจดหมายมีดังต่อไปนี้
“เรียน ท่านมาริษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ข้าพเจ้าเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อแสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการพัฒนาทางการเมืองในปัจจุบันของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายทางกฎหมายที่พรรคก้าวไกลต้องเผชิญ
การเลือกตั้งในปี 2566 มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากเป็นประวัติการณ์ โดยมีประชาชนชาวไทยมากกว่า 39 ล้านคนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ พรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะครั้งสำคัญ สะท้อนถึงเจตจำนงและเสียงของประชาชนชาวไทยมากกว่า 14 ล้านคน
แม้จะมีความชัดเจนจากผลเลือกตั้ง แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ยื่นคำร้องเพื่อยุบพรรค ข้าพเจ้ารู้สึกวิตกกังวลต่อกระบวนการที่เกิดขึ้นว่าจะไม่โปร่งใสเป็นธรรม
และหากพรรคก้าวไกลถูกตัดสินยุบพรรค จะกระทบถึงผู้มีสิทธิออกเสียงหลายล้านคนที่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปประชาธิปไตยต้องเสียสิทธิและจะเป็นการบ่อนทำลายความมุ่งมั่นของไทยต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นค่านิยมร่วมกันที่ยึดโยงความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศมานานกว่า 190 ปี
สหรัฐอเมริกาและประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันยาวนานและมีค่านิยมร่วมกัน ซึ่งมีแกนหลักคือความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและหลักการประชาธิปไตยในภูมิภาคและทั่วโลก ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเคารพเจตจำนงของประชาชน และยึดมั่นในค่านิยมประชาธิปไตยซึ่งเป็นรากฐานของพันธมิตรที่ยั่งยืนของเรามายาวนาน ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะเดินหน้าผ่านช่วงเวลานี้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงของประชาชนจะได้รับการได้ยินและเคารพ ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้”