สอท.จับสองผัวเมีย ปลอมวีซ่านิวซีแลนด์ หลอกคนไทยทำงาน
สอท.จับสองผัวเมีย ปลอมวีซ่านิวซีแลนด์ หลอกคนไทยทำงาน
สอท.จับสองผัวเมีย ปลอมวีซ่านิวซีแลนด์ หลอกคนไทยที่หวังไปทำงานต่างแดน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ธ.ค.67 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รรท.ผบก.สอท.3 พร้อมด้วย นายจัสติน แอลเวส ผู้จัดการด้านการตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , นายเบน ควินน์ เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านการอพยพที่ผิดกฎหมาย สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนิวซีแลนด์ และนายสนธยา กาลาศรี ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีจับกุมผู้กระทำผิด "หลอกทำวีซ่า"
โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า จากที่สถานทูตนิวซีแลนด์ฯ ตรวจพบความผิดปกติของแรงงานไทยที่เดินทางเข้าไปทำงาน และจากเอกสารการขอวีซ่า เพื่อเข้าประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า มีการยื่นเอกสารเพื่อขอทำวีซ่าปลอม จึงประสานมายังตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และศาลได้อนุมัติหมายจับ 2 ราย
กระทั่งเมื่อเวลา 07.15 น. วานนี้ (6 ธ.ค.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเข้าบุกค้นบ้านย่านประเสริฐมนูกิจ ที่เป็นแหล่งกบดานหลบหนีของคนร้าย ซึ่งผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในการหลอกลวงแรงงานมาแล้วหลายครั้ง มีความเชี่ยวชาญและปิดตัวเองจากโลกออนไลน์ แม้กระทั่งบัตรประชาชนยังไม่เคยทำมาร่วมสิบปี
เจ้าหน้าที่จับผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ น.ส.จันทิมา (สงวนนามสกุล) กับนายอนุวัตน์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันปลอมเอกสาร , ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ฯ”
จากการสืบสวนสอบสวน ทราบว่า คนร้ายได้เรียนรู้จากประสบการณ์การไปทำงานที่เกาหลีใต้ จึงพบช่องทางว่า มีคนไทยสนใจไปทำงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก คนร้ายจึงเข้าไปศึกษาในกลุ่มหางานต่างประเทศและเริ่มหลอกลวง โดยเริ่มจากผู้ที่ต้องการหางานที่ประเทศเกาหลี ต่อมาเห็นว่าตลาดที่เกาหลีขาดความน่าสนใจ จึงพุ่งเป้ามาที่ประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีค่าจ้างแรงงานสูงกว่า โดยการศึกษาหาข้อมูลจากทางโซเชียลมีเดีย จนสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับงาน ขั้นตอนต่างๆ ในการยื่นขอวีซ่าไปทำงานได้
โดยคนร้ายได้ซื้อเพจเฟซบุ๊ก ที่มีคนติดตามจำนวนมากมาจากบุคคลอื่น และโพสต์ชักชวนไปทำงานที่นิวซีแลนด์ และตั้งราคาให้น้อยกว่าเพจอื่น เพื่อดึงดูดความสนใจ เมื่อเหยื่อสนใจ คนร้ายจะทักเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นและส่งต่อผู้เสียหายโดยอ้างว่า ให้คุยกับเอเจนซี่ที่นำคนงานเข้าประเทศนิวซีแลนด์โดยตรง ที่ใช้ไลน์ชื่อ "วุฒิ" เมื่อผู้เสียหายสนใจ คนร้ายจึงได้ให้ผู้เสียหายส่งข้อมูลส่วนตัวไป เพื่อใช้ประกอบการสมัครงาน และแจ้งว่า จะส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้กับนายจ้าง โดยแจ้งรายละเอียดในการทำงานว่า ในการดำเนินการประสานงานกับนายจ้างและทำวีซ่าทำงาน มีค่าใช้จ่ายให้บริษัทเอเจนซี่ จำนวน 70,000 บาท แบ่งเป็นค่าดำเนินการเรื่องวีซ่าทำงานจำนวน 50,000 บาท ค่าครองชีพ (ค่าเสื้อผ้า , ค่าของใช้ส่วนตัว) จำนวน 20,000 บาท สัญญาทำงานกับนายจ้างปีต่อปี ส่วนรายละเอียดค่าตอบแทนต้องไปตกลงกับนายจ้างที่ประเทศนิวซีแลนด์
หลังจากนั้น จะทำการพูดคุย ทักทายกับเหยื่อเรื่อยๆ และเปิดวีดีโอคอลให้เหยื่อเห็นหน้า เพื่อให้เหยื่อเชื่อโดยสนิทใจ และคนร้ายจะแจ้งว่า สัญญาจ้างได้ถูกส่งมาจากประเทศนิวซีแลนด์แล้ว และคนร้ายจะทำการถ่ายรูปสัญญาจ้าง ที่ตนเองทำขึ้นเองส่งไลน์ให้กับเหยื่อดู และจะแจ้งว่าห้ามส่งต่อข้อมูล หากข้อมูลมีการรั่วไหลจะดำเนินคดี เมื่อเหยื่อหลงเชื่อคนร้ายได้ให้โอนเงินให้แบ่งเป็นรอบๆ เมื่อได้เงินและเหยื่อเริ่มสงสัยคนร้ายจะทำการปิดกั้นการติดต่อ
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ มีผู้เสียหายเพียง 2 ราย แต่จากการเข้าตรวจค้นและทำการสืบสวน พบหลักฐานที่คาดว่า จะมีผู้เสียหายอีกกว่า 10 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการประสานไปยังผู้เสียหายที่เหลือ และผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่ได้แจ้งความ หรือแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ก็สามารถประสานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยระหว่างที่ถูกคุมตัวนั้น น.ส.จันทิมา หนึ่งในผู้ต้องหา ได้ร่ำไห้พร้อมเอาหน้าซบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ต้องหาทั้งสองรายไม่ตอบคำถามใดๆสื่อมวลชน เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน