ฝ่ายค้านจัดหนักไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร” ซัด ล้มเหลว-เป็นหุ่นเชิด
ฝ่ายค้านจัดหนักไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร” ซัด ล้มเหลว-เป็นหุ่นเชิด

ฝ่ายค้านจัดหนัก “แพทองธาร” อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคนเดียว ครอบคลุมทุกกระทรวง ซัด ขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด
(27 ก.พ. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึง การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ต่อประธานรัฐสภา โดยระบุจะยื่นญัตติอภิปราย เพื่อลงมติเพียง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว ทั้งนี้จะยังคงมีเนื้อหาที่ชัดเจน และเกี่ยวเนื่องกับปัญหาในทุกกระทรวง
“เราอภิปรายตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริง เพียงแต่การลงมติไม่ไว้วางใจ เรายื่นต่อตัวนายกฯ คนเดียว เพราะฉันเชื่อว่าสาเหตุของปัญหาทั้งหมด ในการบริหารราชการแผ่นดินปัจจุบัน เกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ และตัวนายกฯ ที่ไม่สามารถผลักดัน เจตจำนงของประชาชนได้”
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลอาจจะขอให้ลดวันเวลาในการอภิปรายลงกว่าปกติ เนื่องจากมีการอภิปรายเพียงคนเดียว นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ที่ผ่านมาใช้เวลาในการอภิปรายอย่างต่ำ 4 วัน ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ตนจึงอยากให้รัฐบาลให้กรอบระยะวลามาก ยิ่งนายกฯ มีเวลาให้ฝ่ายค้านได้ซักฟอกมาก ตัวนายกฯ ก็ยิ่งมีโอกาสในการแสดงความเป็นผู้นำของตัวเองมากเท่านั้น ในอดีตก็เคยมีการอภิปรายนายกฯ คนเดียวมาแล้ว จนนำไปสู่การยุบสภามาแล้ว
สำหรับหนังสือญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่ส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร มีเนื้อหาระบุว่า
“อาศัยอำนาจตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พวกข้าพเจ้าซึ่งมีจำนวนไม่ น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ผู้มีรายนามท้ายญัตตินี้ ขอเสนอญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
โดยพวกข้าพเจ้าเห็นว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติและไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารด้วยประการทั้งปวง
ทั้งขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่จะแก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ส่งผลให้ทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่ง หน้าที่เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย
บริหารบ้านเมืองผิดพลาด ล้มเหลวอย่างร้ายแรงทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เจตนา ตลอดจนปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่นภายใต้การบริหารงานของตนเอง ทั้งยังทุจริตเชิงนโยบาย บริหารบ้านเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์ แก่พวกพ้องและกลุ่มทุน แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความเหมาะสม ขาดความรู้ความสามารถ หรือไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญอื่น
นอกจากนี้ยังสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองด เว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดา เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
จากพฤติการณ์ดังที่พวกข้าพเจ้าได้กล่าวมา หากปล่อยให้บุคคลดังกล่าวยังคงบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างที่ยากจะแก้ไขเยียวยาได้ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดบรรจุญัตตินี้ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยด่วน ส่วนเหตุผลและรายละเอียดต่าง ๆ จะได้แถลงและชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป”