สื่อฯ ไม่ทน! ร้องประธานสภาฯ สอบจริยธรรม “ประวิตร” ทำร้ายนักข่าว

สื่อฯ ไม่ทน! ร้องประธานสภาฯ สอบจริยธรรม “ประวิตร” ทำร้ายนักข่าว

48921 ส.ค. 67 12:36   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

สมาคมสื่อ-ไทยพีบีเอส ไม่ทน! ร้องสอบจริยธรรม “พล.อ.ประวิตร” ทำร้ายนักข่าวหลังเจอถามเรื่องโหวตเลือกนายกฯ

(21 ส.ค. 67) สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยเข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบจริยธรรม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีทำร้ายร่างกายนักข่าว โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือแทน 


นายอิทธิพันธ์ บัวทอง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวว่า การยื่นคำร้องและหลักฐานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกล้องของผู้ที่ถูกกระทำ และภาพมุมฝั่งตรงข้ามเพื่อประกอบการพิจารณา เพราะมองว่าไม่ใช่พฤติกรรมที่ทำในลักษณะการหยอกล้อ และหากวิญญูชนได้เห็นภาพในหลายมุมน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการล้อเล่นหยอกล้อหรือไม่ 


ด้านนายสุปัน รักเชื้อ ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ กล่าวว่า เจตนารมณ์ในการยื่นคำร้องตรวจสอบจริยธรรม พลอ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้พิจารณาด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรือทำด้วยความรู้สึกก้าวล่วง แต่ได้มีการสังเกตพฤติกรรมมาหลายครั้งและรอบด้าน เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด 



ซึ่งก่อนหน้านั้นเอง พล.อ.ประวิตร ก็มีการพูดในลักษณะเชิงดูถูกเหยียดหยามสื่อมวลชนที่ตั้งคำถามกลับมาว่าจบจากสถาบันไหนใช่ราชภัฏหรือไม่ จึงตัดสินใจยื่นคำร้อง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการกระทำแบบปกติต่อสื่อมวลชน


ส่วนหลังจากนี้จะมีการจัดการอย่างไรต่อนั้น นายสุปัน กล่าวว่า ตนขอทำหน้าที่ในฐานะ องค์กรวิชาชีพ มุ่งเน้นที่ยื่นตรวจสอบจริยธรรมเป็นหลัก ซึ่งทางเจ้าทุกข์เองไม่เอาเรื่องในคดีความทำร้ายร่างกาย และนี่คือปรากฏการณ์ครั้งแรกที่เพื่อนร่วมมิจฉาชีพลุกขึ้นมาปกป้อง สิทธิและเสรีภาพมากกว่าการออกแถลงการณ์ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมืองที่จะปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพและสื่อมวลชนตระหนักว่า สื่อไม่ใช่ผู้ขัดแย้งเพียงทำหน้าที่ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่มีประเด็นทางการเมืองใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง


นอกจากกลุ่มของสมาคมสื่อแล้ว นายนพดล ศรีหะทัย บรรณาธิการบริหารสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนักข่าวหญิงที่ถูกทำร้ายก็ยื่นหนังสือสอบจริยธรรม พล.อ.ประวิตร ด้วยเช่นกัน โดยระบุว่าการยื่นสอบในครั้งนี้เพื่อเป็นบรรทัดฐานการทำงานของสื่อมวลชนที่ต่อไป การทำงานของสื่อต้องมีความเข้มข้นขึ้น หากมีการข่มขู่ ทำร้ายร่างกายแบบนี้ขึ้นมา อาจทำให้เป็นการริดรอนสิทธิในการทำงานของสื่อ ทางสถานีจำเป็นที่จะต้องทำให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานทางจริยธรรม



นายนพดลบอกอีกว่า ผู้สื่อข่าวที่ถูกกระทำ นั้นไม่ประสงค์แจ้งความคดีอาญา เนื่องจากการทำงานในสายทหาร ต้องอาศัยมีแหล่งข่าวหลายคน  


ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กังวลหรือไม่การสอบจริยธรรม พล.อ.ประวิตร อาจจะไม่มีความคืบหน้า นายนพดล ระบุว่า การทำผิด ควรจะทำเป็นมาตรฐาน การทำงานของสื่อที่ตอนนี้มีการแข่งขันสูง ดังนั้นการทำงานของสื่อจำเป็นที่จะต้องได้รับการปกป้อง ดูแล เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ ส่วนที่จะเอาผิดได้หรือไม่ ให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนของสภา เชื่อว่าการยื่นสอบครั้งนี้ไม่มีผลต่อการทำหน้าที่ของสื่อสาธารณะ เราจะไม่เอาเรื่องแค่นี้มาทำให้เราไม่กล้าที่จะทำงานหรือการถามในข้อที่ประชาชนอยากรู้ เรายังคงถาม ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ถูกต้อง 


ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ได้ต่อสายผ่านนายทหารระดับสูง ชี้แจงว่าเป็นการหยอกล้อ นายนพดลระบุอีกว่า คำชี้แจงที่ว่าเป็นการหยอกล้อ ขึ้นอยู่ที่ว่าใครเป็นคนพูด ใครเป็นคนมอง แต่ภาพที่เกิดขึ้นเห็นว่าไม่ได้หยอกล้อ มันดูออกมาหยอกล้อควรเป็นแบบไหน หรือเป็นการข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายสื่อ ซึ่งจุดนี้ขอให้สภาหรือคณะกรรมาธิการเป็นผู้ตรวจสอบ ว่าเป็นการทำร้ายร่างกายหรือไม่ 


ส่วนคำแถลงการณ์ของไทยพีบีเอส เรียกร้องให้พลเอกประวิตรแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งต่อมาได้ฝากคำขอโทษผ่านสายโทรศัพท์นั่น นายนพดล ระบุว่า ตรงนี้ต้องมีการตรวจสอบว่าการกระทำนั้นถูกต้องหรือไม่ การต่อสายโทรศัพท์นั้นขอให้ตรวจสอบก่อน เช่น คณะกรรมาธิการการยุติธรรมอาจจะเชิญมาพลเอกประวิตรมาพูดคุย ก็ขอให้มาพูดคุยอีกครั้ง



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง