เปิดใจ"อ.เบียร์ คนตื่นธรรม"แจงชัด 2 ประเด็นร้อน ชี้ถูกขุดคลิปตัดต่อปั่นกระแส
เปิดใจ"อ.เบียร์ คนตื่นธรรม"แจงชัด 2 ประเด็นร้อน ชี้ถูกขุดคลิปตัดต่อปั่นกระแส
เปิดใจ"อ.เบียร์ คนตื่นธรรม"แจงชัด 2 ประเด็นร้อน ชี้ถูกขุดคลิปตัดต่อปั่นกระแส พร้อมเคลียร์กองทัพธรรม
(11ม.ค.68) เวลา10.00 น. นายสัญชัย วันพิรัตน์ "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ณ อาคารหมอเส็ง สำนักงานใหญ่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมี นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ประธานกรรมการบริษัท หมอเส็ง(ไทยแลนด์) จำกัด , นายสุทธิ กิตติศุภพร อดีตอธิบดีอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ , หม่อมหลวงสกุล มาลากุล อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย โดยมีลูกศิษย์อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรมเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
นายวิวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับวันนี้"อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม"ได้มาชี้แจงแถลงข่าวในวันนี้เพราะคลิปข่าวของ "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" ที่เป็นกระแสอยู่ในทุกวันนี้เกิดความแตกแยกในด้านข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ซึ่งทางเราอยากให้ทุกคนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันทั้งด้านข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เข้าใจเหมือนกันดังนั้นเมื่อเรามีความเข้าใจตรงกันแล้วก็จะได้นำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน
นายวิวรรธน์ กล่าวต่อไปว่า "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" เป็นแค่เพียงฆราวาสคนสอนธรรมและถูกดำเนินคดีหลายข้อหาอยู่เช่น 1.นำความเท็จเข้าสู่พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ , หมิ่นประมาท , ดูหมิ่นคณะสงฆ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้พวกท่านก็ยังไม่รู้หรอกว่าคดีพวกนี้คืออะไร เราก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนจึงจะเป็นประโยชน์ตามข้อเท็จจริงและจะได้ไม่เกิดความแตกแยก และจะได้ไม่คิดว่าการเข้าถึงศาสนาพุทธมันถอยหลัง ซึ่งเริ่มจากที่ อ.เบียร์ไปพูด 2 คลิป ที่เกิดปัญหาขึ้นจนนำไปสู่การถูกดำเนินคดี
ด้าน อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม กล่าวว่า เนื่องจากมีกรณีที่มีคลิปวิดีโอที่แชร์กันอยู่ในโลกโซเชียล เกิดจากที่อาจารย์ไลฟ์เฟซบุ๊กสอนธรรมะอยู่ทุกวัน ซึ่งคลิปต้นเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา แล้วเขาไปขุดขึ้นมาแชร์ย้อนหลังเพื่อให้เป็นประเด็นสังคมในปัจจุบัน อย่างกรณีที่มีการไปพูดว่าตัวเองไปกล่าวอ้างพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ชี้แจงว่าความเป็นจริงตัวเองไม่ได้พาดพิงถึงสถาบัน แต่เจตนาเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ส่วนที่มีคลิปอาจารย์ไปพูดว่ามีแบ็กใหญ่นั้นแบ็กดี คำว่าแบ็กใหญ่นั้น อาจารย์เบียร์ บอกว่าในช่วงต้นคลิปตัวเองก็พูดชัดเจนแล้วว่าแบ็กเราคือพระพุทธเจ้า ซึ่งในคลิปก็จะมีคำว่าแบ็กเราคือพระพุทธเจ้า ไม่มีใครใหญ่เกินพระพุทธเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นนายพล นายกรัฐมนตรีหรือว่าสถาบันฯ ซึ่งเป็นการพูดยกตัวอย่าง โดยในพระไตรปิฎกก็มีการพูดถึงบริบทนี้ว่าพระองค์ทรงอยู่เหนือและพุทธบริษัทสี่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
"ดังนั้นพระพุทธเจ้าจะอยู่ในฐานะสูงสุดในโลกธาตุ แต่ในบริบทที่อาจารย์พูดถึงไม่ได้ไปพาดพิงถึงสถาบันหรือกษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่เราพูดถึงบริบทที่พระองค์ของการที่พระองค์ทรงบันลือสีหนาทไว้ว่า พระองค์ทรงอยู่เหนือโลก พระองค์ทรงสอนให้ทุกคนพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยืนยันว่าสิ่งที่สอน ในวันนั้นคือกำลังพูดถึงประเด็นนี้ ไม่ได้มีเจตนาพูดถึงสถาบันแต่อย่างใด" อาจารย์เบียร์ กล่าว
อาจารย์เบียร์ บอกว่า สำหรับคลิปวิดีโอที่มีการตัดคลิปออกไปนั้น มีเจตนาจาบจ้วงสถาบันฯโดยการดึงสถาบันมาใส่ร้ายป้ายสีอาจารย์เองหรือไม่ เพราะมีการตัดเนื้อหาของพระพุทธเจ้าออกให้เหลือแค่เนื้อหาที่อาจารย์พูดว่ามีแบ็กใหญ่เหนือกว่าสถาบันทั้งหมด จนทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดจนนำไปสู่การฟ้องร้องเอาผิดตัวเอง ม.112 ซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง
"ขอยืนยันอีกครั้งว่า ตัวเองไม่มีเจตนาในการพาดพิงถึงสถาบัน แต่คนที่ตัดคลิปมีเจตนาอะไรมีเจตนาพาดพิงถึงสถาบันเองหรือไม่ ซึ่งคลิปนี้ตัวเองพยายามอธิบายอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มีคนพยายามนำคลิปไปปั่นกระแสโดยไม่ได้ฟังคลิปเต็ม" อาจารย์เบียร์ กล่าว
ส่วนคลิปที่สองมีการพูดถึงมหาเถรสมาคม อาจารย์เบียร์ บอกว่า มีบริบทนั้นมันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมช่วงเวลานั้น ส่วนตัวพูดถึงพระอาจารย์รูปหนึ่งที่กำลังมีการตรวจสอบไต่สวนในเรื่องของการสอนธรรมะที่ไม่ถูกต้อง 100 % พูดไม่ตรงกับพระไตรปิฎกเชื่อถือไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มีบางประเด็นที่ขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งมันก็เป็นหนึ่งในความเห็น มหาเถรสมาคมจึงเรียกพระสงฆ์รูปดังกล่าวไปตรวจสอบซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากในสังคม ตัวเองในฐานะฆราวาสผู้สอนธรรมะจึงวิพากษ์วิจารณ์ว่าในกรณีนี้มหาเถรสมาคมบางส่วนมีการตัดสินใจตามธรรมตามวินัยก็ถูกต้องดีแล้วควรแก่การรักษาไว้ แต่สำหรับบุคคลที่ทำตามกฎหมายแล้วก็ไม่ควรจัดการ
อาจารย์เบียร์ กล่าวต่อไปว่า ตัวเองก็ตำหนิไปตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามสังคมทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาชี้โทษว่าใครถูกใครผิด รวมถึงไม่ได้มีการไปพูดถึงสมเด็จพระสังฆราชฯ ซึ่งมีการไปปั่นกระแสว่าตัวเองไปจาบจ้วงถึงสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มีการถวายเงินให้กับคณะสงฆ์ตามวัดที่ตนเองนับถือศรัทธาไม่ว่าจะเป็นวัดป่าวัดเขาต่าง ๆ โดยที่ผ่านมาได้มีการบริจาคเงินไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท จะมาบอกว่าตนล่มจมต่อศาสนาได้อย่างไร
"รวมถึงปีใหม่ที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีโดยมีประชาชนเข้าร่วม 4000 กว่าคน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระสังฆราช" อาจารย์เบียร์ กล่าว
อาจารย์เบียร์ กล่าวต่อไปด้วยว่า ซึ่งหลังจากนี้ตนพยายามที่จะเข้าไปกราบพระเถระด้วยตัวเอง แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่มีโอกาสเมื่อเกิดกระแสสังคมเช่นนี้ ก็อยากจะเข้าไปก้มกราบเพื่อแสดงเจตจำนงความบริสุทธิ์ใจของตนเองพร้อมบอกว่าที่ผ่านมาตนสามารถก้มกราบพระปีนเสาได้ ดังนั้นตนก็ไม่มีเจตจำนงที่จะกล้าไปดูหมิ่นพระเถระสมาคม แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะนี้มีความพยายามที่จะปลุกปั่นยุยง ให้สังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย โดยใส่ข้อความว่า #saveพระสังฆราช ทำให้ตนเป็นคู่ขัดแย้งกับพระสังฆราช ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตนเองมีความเคารพนอบน้อมต่อพระสังฆราชมาโดยตลอด รวมถึงสมเด็จพระมหาเถระ ซึ่งถ้าท่านเปิดโอกาสก็อยากจะเข้าไปพบเพื่อรับโอวาทและกลับมาปฏิบัติตาม
อาจารย์เบียร์ บอกด้วยว่า ที่ผ่านมาตนไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่ตนเองกำลังจะสื่อสารได้ทุกคนมีหลักความเชื่อเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นเวลาที่ตนเองพูดหรือสอนธรรมะอะไรไปในสังคมก็อาจจะมีความคิดเห็นที่เห็นขัดแย้งกันได้เป็นเรื่องปกติ แต่ขอร้องว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนในการตัดสินใจให้หาข้อมูลหาข้อเท็จจริงก่อนที่จะมาด่ากันด้วยการรังเกียจเดียดฉันท์กัน และจากการเข้าใจผิดตนยังอยู่อีกนานยังไม่ตายวันนี้เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งรีบร้อนที่จะด่า เพราะเรื่องนี้มันเกิดจากคนที่รังเกียจเดียดฉันท์อาจารย์เบียร์จึงเกิดกระแสดังกล่าวขึ้นมา
"ตั้งแต่เกิดกระแสดราม่ามาก็ได้มีการไปออกมาหลายรายการ เพราะฉะนั้นตนก็พร้อมที่จะเคลียร์กับทางกองทัพธรรมไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหลังบ้านก็พร้อมที่จะพูดคุย แต่ที่ผ่านมาแต่ละรายการที่จะติดต่อไปนั้นกองทัพทำเองก็ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์และไม่ยอมออกรายการจึงทำให้ไม่สามารถที่จะชี้แจงเจตจำนงของตนเองได้ว่าเจตจำนงที่แท้จริงของตนเองนั้นคืออะไร อยากจะให้ศาสนานั้นดีขึ้น เป็นคนพุทธและยึดมั่นในศาสนาก็ควรจะสมานฉันท์กัน" อาจารย์เบียร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้หากพิสูจน์แล้วว่าอาจารย์เบียร์เองไม่มีความผิดจะมีการฟ้องกลับกับคนที่แจ้งความหรือไม่ อาจารย์เบียร์ ระบุว่าในส่วนของตนเองไม่ได้คิดว่าจะต้องฟ้องกลับ แต่ในส่วนของคนอื่นหรือทีมงานที่เกี่ยวข้องก็แล้วแต่ดุลพินิจของเขาให้เขาตัดสินใจกันเอง
ด้าน คุณวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ประธานบริษัท หมอเส็ง (ไทยแลนด์) ในส่วนของเรื่องประเด็นข้อกฎหมายจะมีการรวบรวมคลิปส่งให้กับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ให้ตรวจสอบดูว่ามีเจตนาตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ และหากตรวจสอบว่าคลิปดังกล่าวเป็นคลิปปลอมหรือถูกตัดต่อคนที่เข้าไปแจ้งความก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ
คุณวิวรรธน์ กล่าวต่อไปว่า แต่หากเจ้าหน้าที่มีข้อสงสัยในส่วนของการกระทำของอาจารย์เบียร์ ทางอาจารย์เบียร์และคณะก็พร้อมที่จะเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าการที่พูดในลักษณะทำนองนี้เป็นเหมือนการข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ ยืนยันว่า เรื่องการฟ้องร้อง ไม่ใช่การข่มขู่ ส่วนรายละเอียดในการฟ้องร้องจะเป็นอย่างไรนั้นจะมีการแถลงข่าวภายหลัง ซึ่งตอนนี้ได้มีการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานรวมถึงรายชื่อคนที่จะถูกดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้วคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในอาทิตย์หน้า
ขณะที่ นายสุทธิ กิตติศุภพร เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ที่ตนเป็นอัยการมาเป็น 46 ปี มองว่า เรื่องดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ให้ดูที่เจตนา ในการที่ไปกล่าวอ้างความผิดในมาตรา 112 นั้นเป็นข้อหาที่ยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นต้องดูการกระทำว่ามีเจตนามุ่งหมายอะไรและต้องดูให้ครบถ้วนทั้งหมดไม่ใช่การตัดตอนหรือหยิบบางข้อความมาเท่านั้น ซึ่งตนเองไม่ได้ดูข้อเท็จจริงทั้งหมดจึงไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดได้ แต่เบื้องต้นในมุมมองของนักกฎหมายข้อเท็จจริงนั้นยังไม่จบสิ้น แต่ส่วนตัวยังมองว่าขาดเจตนา
ข่าวเวิร์คพอยท์23
ข่าวที่เกี่ยวข้อง