นายกฯ ทต.ลำลูกกา เรียก 3 จนท.ลูกหนี้ลุงผูกคอ สอบเคลียร์ปมกู้เงินแล้วไม่ใช้
นายกฯ ทต.ลำลูกกา เรียก 3 จนท.ลูกหนี้ลุงผูกคอ สอบเคลียร์ปมกู้เงินแล้วไม่ใช้
นายกฯ ทต.ลำลูกกา เรียก 3 จนท.ลูกหนี้ลุงผูกคอ สอบเคลียร์ปมกู้เงินแล้วไม่ใช้ ล่าสุดให้ทำสัญญาใช้หนี้ให้ทางญาติแล้ว
(21ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก Survive - สายไหมต้องรอด โพสต์ข้อความระบุว่า แอดครับ ขอความเป็นธรรมให้คนตายด้วยครับ : ลุงเจริญ อายุ 61 ปี อดีตเจ้าหน้าที่เทศบาล ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง หลังถูกลูกหนี้ที่ใช้ชีวิตกินหรู อยู่สบาย รับราชการอยู่ในเทศบาล เบี้ยวไม่ยอมจ่ายหนี้ จนทำให้ตัวลุงเองไม่มีเงินจะกินข้าว มาทวงหนี้ที่เทศบาล ก็ไม่มีใครให้แก แกจึงตัดสินใจมาจบชีวิตตัวเองที่หน้าเทศบาล...(แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี) เมื่อวันพุธที่ 18 ธ.ค.67 เวลา ประมาณ 02.00 น. แกเขียนจดหมายลาตายไว้ด้วยครับ
"ลุงแกไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ไม่มีภรรยา ที่จะมาเรียกร้องความเป็นธรรมครับ เหลือญาติแต่ทุกคนก็เงียบกันหมด แบบนี้คนตายจะได้รับความเป็นธรรมจากไหนครับ ตอนนี้ลูกหนี้ลุงพยายามวิ่งปิดข่าวให้แซด"
ล่าสุด วิญญาณลุงเฮี้ยนมาก ใครผ่านไปผ่านมาหน้าเทศบาล หลายคนบอกเห็นลุงร้องไห้อยู่ที่ต้นไม้ต้นนั้นตลอด จนบางคนขนหัวลุกไม่กล้าผ่าน หลวงพ่อที่วัดเลยต้องไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณลุงมาที่วัดวันนี้เองครับ
#ฝาก พี่เอกภพ #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยเป็นกระบอกเสียง คืนความยุติธรรมให้คนตายด้วยนะครับ วันเสาร์นี้เขาจะเผาศพลุงแล้ว กลัวเรื่องจะเงียบ พวกพนักงานเทศบาลเขาสงสารลุงกันมากครับ #ฝากพวกเราทวงคืนความเป็นธรรมให้ลุงด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังโพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้มีแฟนเพจเข้ามาแสดงความคิดเห็นแชร์เรื่องราวดังกล่าวออกไปจำนวนมาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไป ที่ สำนักงานเทศบาลตำบลลำลูกกา โดย นายกิตติเดช ลานทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลลำลูกกา ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ลุงเจริญ อายุ 61 ปี เป็นพนักงานเทศบาลและได้เกษียนก่อนที่ตนเองจะมาเป็นนายกเทศมนตรีประมาณ 5 - 6 ปีแล้ว ส่วนการกู้หนี้ยืมสินนั้นตนเองไม่รู้เรื่อง มารู้เรื่องตอนที่เขาผูกคอตายบนต้นไม้หน้าเทศบาลตำบลลำลูกกาและได้มีจดหมายเขียนว่าใครยืมเงินแกไป พร้อมทั้งให้ตนเองเป็นธุระในการจัดการหนี้สินให้ทั้งหมด
นายกิตติเดช กล่าวต่อไปว่า ตนได้เรียกคนที่มีชื่ออยู่ในจดหมายนั้นมาพูดคุยพร้อมทั้งพี่สาวของลุงแกด้วยและมีปลัดเทศบาลเป็นสักขีพยาน คนแรกที่มีชื่อได้ยืมเงินไป 750,000 บาท นั้นจริงหรือไม่เขาก็บอกว่าไม่จริง ยืมไปเพียง 34,000 บาทเท่านั้น , คนที่สองยืมไป 40,000 บาท หรืออีก 1 หมื่นบาทเพราะใช้เงินสดไปแล้ว , คนที่สาม 30,000 บาท ตนเองก็บอกว่าทั้งหมดต้องใช้หนี้ให้หมดคนแรกเดือนละ 2,500 บาท , คนที่สองและคนที่สามเดือนละ 2,000 บาท
"ได้เรียกนิติกรมาเพื่อทำบันทึกหักยอดเงินคืนให้พี่สาวผู้ตาย ส่วนผู้ตายยืมเงินคนในเทศบาลไป 80,000 บาทนั้นใช้มาแล้ว 5 หมื่นเหลืออีก 3 หมื่น ก็ให้ทุกคนมาทำข้อตกลงกันหมดแล้ว" นายกิตติเดช ระบุ
นายกิตติเดช กล่าวอีกว่า ผู้เสียชีวิตเป็นพนักงานเทศบาลได้เงินบำนาญเป็นเงินประมาณ 2 แสนกว่าบาท ก็ต้องให้พี่สาวเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนทั้งสามคนมีชื่ออยู่ในจดหมายนั้นเป็นคนของเทศบาลเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคนทั้งผู้เสียชีวิตและคนที่ยังอยู่ด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนพล ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี บอกว่า ทางเจ้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันที่ 18 เวลาประมาณ 03.00 น. โดยผูกคอตายเองเป็นข้าราชการเกษียณแล้วอายุ 61 ปี มีข้อความเขียนไว้ว่าสาเหตุในการตายคือถูกยืมเงินไปแล้วไม่ยอมคืน โดยมีการเขียนข้อความไว้คนชื่อ... จำนวนเงิน 700,000 กว่าบาท แล้วก็มีรายย่อยอีก 10,000 - 20,000 บาท อีกหลายราย ซึ่งอันนี้เราได้เข้าไปสืบสวนกับทางพี่สาวเขามา
พล.ต.ต.ยุทธนา กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามพี่สาวเขาพูดได้แค่นี้แล้ว เขาก็ไม่ได้ติดใจ แต่อย่างไรก็ตามทางฝ่ายสืบสวนของ สภ.ลำลูกกา กำลังเข้าไปตรวจสอบและสอบสวนเพื่อนร่วมงานในเทศบาลแล้วก็เพื่อนบ้าน ซึ่งเราก็กำลังพยายามสืบสวนว่ามีใครที่ไปกู้เงินเขาบ้าง
"แล้วก็คนที่ชื่อ..นั้นคือใคร รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ตัวผมเองก็ได้เร่งรัดทางผู้กำกับ สภ.ลำลูกกาให้เร่ง ดำเนินการให้เร็วที่สุด" พล.ต.ต.ยุทธนา กล่าว
ข่าวเวิร์คพอยท์23
ข่าวเวิร์คพอยท์23
ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก Survive - สายไหมต้องรอด