5 อันดับมะเร็งคร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดและวิธีการป้องกันโรคมะเร็ง

5 อันดับมะเร็งคร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดและวิธีการป้องกันโรคมะเร็ง

55304 ก.พ. 68 19:35   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

รู้ไว้ไกลมะเร็ง! รู้หรือไม่ 5 อันดับโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดคือมะเร็งอะไรบ้าง ทำความเข้าใจโรคมะเร็ง, ส่อง 7 สัญญาณอันตรายที่อาจเกิดจากโรคมะเร็ง, และเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ห่างไกลโรค ในวันมะเร็งโลก 4 ก.พ.

(เรียบเรียงโดย อพัชชา ทองสนิท)

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น “วันมะเร็งโลก” (World Cancer Day) ที่ตั้งขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่จะรณรงค์ให้ความรู้และสร้างความตระหนักถึงการป้องกันและรักษามะเร็ง สำหรับประเทศไทยเองโรคมะเร็งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตคนไทยในแต่ละปี


จากสถิติโรคมะเร็งของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า แต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 คน โดยโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 5 อันดับแรก คือ

  1. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  2. มะเร็งปอด
  3. มะเร็งเต้านม
  4. มะเร็งปากมดลูก
  5. มะเร็งเม็ดเลือดขาว


และหากแยกตามเพศชาย-หญิง จะพบสถิติของโรคมะเร็งที่พบบ่อยดังนี้


มะเร็งที่พบบ่อย 5 อันดับแรกใน ชายไทย

  1. มะเร็งตับและท่อน้ำดี ร้อยละ 33.2
  2. มะเร็งปอด ร้อยละ 22.8
  3. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ร้อยละ 18.7
  4. มะเร็งต่อมลูกหมาก ร้อยละ6.6
  5. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ร้อยละ 6.6


มะเร็งที่พบบ่อย 5 อันดับแรกใน หญิงไทย

  1. มะเร็งเต้านม ร้อยละ 34.2
  2. มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ร้อยละ 13.3
  3. มะเร็งตับและท่อน้ำดี ร้อยละ 12.2
  4. มะเร็งปอดร้อยละ 11.5
  5. มะเร็งปากมดลูกร้อยละ 11.1


ด้วยวิทยาการปัจจุบันทำให้โรคมะเร็งแม้จะเป็นโรคที่ร้ายแรงมีอันตรายถึงชีวิต แต่หากผู้ป่วยหมั่นสังเกตตัวเอง มีการตรวจร่างกายประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ตรวจพบโรคมะเร็งได้เร็วขึ้น และมีโอกาสที่จะรักษาให้หายหรือให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติได้


สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้วางแนวทางในการสังเกตความผิดปกติของร่างกาย ที่อาจเป็นอาการจากโรคมะเร็งไว้ดังนี้


7 สัญญาณอันตรายของโรคมะเร็ง

  1. ระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลง: อาการท้องผูกสลับท้องเดินเรื้อรังอาจเป็นมะเร็งลำไส้และทวารหนัก, ปัสสาวะขัดเรื้อรังในผู้ชายอาจเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
  2. แผลไม่รู้จักหาย: แผลเรื้อรังในช่องปากนานเกิน 2 สัปดาห์อาจเป็นมะเร็งช่องปาก, แผลเรื้อรังที่ผิวหนัง อาจเป็นมะเร็งผิวหนัง, แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร อาจเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
  3. ร่างกายมีก้อนตุ่ม: ก้อนที่เกิดเรื้อรังบริเวณรักแร้ ขาหนีบ คอ อาจเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง, ก้อนที่เต้านม อาจเป็นมะเร็งเต้านม, ตุ่มหรือก้อนที่ผิวหนัง อาจเป็นมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 
  4. กลุ้มใจเรื่องกินกลืนอาหาร: กลืนอาหารไม่ลง ติดขัด อาจเป็นมะเร็งหลอดคอหรือมะเร็งหลอดอาหาร, ท้องอืด ปวดท้องเรื้อรัง อาจเป็นมะเร็งระบบทางเดินอาหาร, น้ำหนักลด เบื่ออาหารไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นมะเร็งหลายชนิด
  5. ทวารทั้งหลายมีเลือดไหล: เลือดออกทางช่องคลอดหรือมีตกขาวผิดปกติ อาจเป็นมะเร็งปากมดลูก, ถ่ายเป็นเลือดอาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, ปัสสาวะเป็นเลือด อาจเป็นมะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะ, เลือดกำเดาออกเรื้อรังอาจเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก, เลือดออกทางหัวนม อาจเป็นมะเร็งเต้านม
  6. ไฝหูดที่เปลี่ยนไป: ไฝหรือหูดที่โตเร็วผิดปกติ มีเลือดออก สีเปลี่ยนไป อาจเป็นมะเร็งผิวหนัง
  7. ไอและเสียงแหบจนเรื้อรัง: ไอเรื้อรังนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ อาจเป็นมะเร็งปอด, เสียงแหบเรื้อรังอาจเป็นมะเร็งหลอดคอหรือมะเร็งกล่องเสียง


โรคมะเร็งนั้นไม่เหมือนโรคติดเชื้อ ที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน* แต่เป็นโรคที่ปัจจัยการเกิดมาจากการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย หนึ่งในวิธีป้องกันที่ดีคือการปรับพฤติกรรม ไม่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดมะเร็งในภายหลัง

*ยกเว้นมะเร็งปากมดลูก ที่การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ช่วยลดความเสี่ยงได้


10 เคล็ดลับปรับพฤติกรรม และใช้ชีวิตให้ห่างไกลโรคมะเร็ง

  1. งดสูบบุหรี่และอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  2. รับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการและรับประทานอาหารอย่างสมดุล โดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานผักผลไม้ที่หลากหลาย เน้นการรับประทานอาหารประเภทธัญพืชและอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  3. อย่ารับประทานอาหารที่หมดอายุหรือมีเชื้อรา
  4. ลด หรืองดเว้นการรับประทานอาหารจำพวกปิ้ง ย่าง และหมักดอง
  5. หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดหรืออยู่ในที่มีแสงแดดจัดเป็นเวลานาน ๆ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องหาอุปกรณ์เพื่อช่วยป้องกันร่างกายหรือผิวหนังจากแสงแดด และควรทาครีมกันแดดทั้งผิวหน้าและผิวกาย
  6. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
  7. ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอ
  8. หลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆที่ทำให้เกิดความเครียด
  9. ตรวจร่างกายประจำปีเป็นประจำทุกปี
  10. หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการปกติซึ่งเป็นอาการของโรคมะเร็งควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที


ภาคผนวก:อาการและข้อบ่งชี้เบื้องต้น 7 มะเร็งยอดฮิต


1.มะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี

  • โรคมะเร็งตับ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 3 เท่า ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 30- 70 ปี โรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ซึ่งกว่าจะได้รับการวินิฉัยก็มักจะอยู่ในท้ายโรคและไม่สามารถรับการรักษาได้ทัน ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุด มะเร็งตับมีสาเหตุมาจากการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ การดื่มแอลกอฮอล์ รับสารพิษอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) การรับยาบางชนิด และพันธุกรรม เป็นต้น
  • โรคมะเร็งท่อน้ำดี มักพบในเพศชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้มาจากการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืดแบบดิบ ทำให้ได้รับตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ เกิดการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ อาการของโรคมะเร็งท่อน้ำดี คือ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดบริเวณท้อง มีไข้ คันบริเวณผิวหนังทั่วร่างกาย และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วม เช่น ไม่อยากอาหาร เบื่ออาหารมัน ๆ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น


2.มะเร็งปอด

สาเหตุหลักของมะเร็งปอดมาจากการสูบบุหรี่ หรือรับควันบุหรี่ โดยอาการเริ่มแรกมักมีการไอเสมหะหรือไอมีเลือด เจ็บหน้าอก หายใจดังและถี่ ความอยากอาหารลดลง เป็นต้น


3.มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการแสดงความผิดปกติของการขับถ่ายอุจจาระ คือ มักจะมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเก่า ๆ ท้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระมีขนาดเล็กหรือบางลง ซีด อ่อนเพลีย บางรายอาจจะมาด้วยอาการลำไส้อุดตัน น้ำหนักลดลงมากผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ และปวดเบ่งบริเวณทวารหนัก


4.มะเร็งต่อมลูกหมาก

พบได้มากในเพศชายที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เกิดจากเซลล์ต่อมลูกหมากเจริญเติบโตผิดปกติและรวดเร็ว จนกลายเป็นก้อนมะเร็งอุดตันทางเดินปัสสาวะในที่สุด อาการผิดปกติที่เป็นสัญญาณของมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ "การปัสสาวะ" ซึ่งสามารถสังเกตอาการผิดปกติจากการปัสสาวะได้ เช่น ปัสสาวะนาน ปัสสาวะขัด ลำของปัสสาวะอ่อนแรง หรือปัสสาวะเป็นหยด ๆ ปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ รู้สึกเจ็บปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ และหากอาการรุนแรงอาจมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ


5.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของระบบต่อมน้ำเหลือง และความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว อาการของต่อมน้ำเหลืองที่ผิดปกติอาจเริ่มจากการบวมที่สามารถเห็นหรือสัมผัสได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลืองอยู่ใกล้ผิวหนัง เช่น บริเวณคอ ข้อพับแขน ข้อพับขา หรือบริเวณขากรรไกร การบวมของต่อมน้ำเหลืองมักเกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในร่างกาย เช่น การติดเชื้อหวัด หรือการติดเชื้อในช่องปากหรือฟัน นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่มีความรุนแรงมากขึ้น เช่น มะเร็งหรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน


6.มะเร็งเต้านม

พบมากในผู้หญิงตั้งแต่วัยสาวเป็นต้นไป โดยสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมมีหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ อายุ มีประจำเดือนตอนอายุน้อย ๆ หรือหมดประจำเดือนช้ากว่าปกติ ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมในประเทศไทยส่วนมากจะมาพบแพทย์ด้วยปัญหาก้อนที่เต้านม ซึ่งอาจมีขนาดของก้อนแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามการมีก้อนที่เต้านมในผู้หญิงไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป ก้อนในเต้านมส่วนมากไม่ใช่มะเร็ง จากสถิติพบว่าถ้าพบก้อนที่เต้านมในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปี จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเพียง 1.4% แต่ถ้าพบก้อนในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงถึง 58% ดังนั้น หากคลำพบก้อนที่เต้านมแม้ว่าจะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาตามความเหมาะสม


7.มะเร็งปากมดลูก

พบได้บ่อยในผู้หญิง เกิดได้กับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ กว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส HPV มะเร็งปากมดลูก ในระยะเริ่มแรกหรือระยะก่อนเป็นมะเร็ง จะไม่มีอาการใด ๆ เลย หากมีอาการแสดงว่าโรคได้ดำเนินไปมากแล้ว เช่น มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ประจำเดือนมานานผิดปกติ มีเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือนแล้ว มีตกขาวมากและมีกลิ่นผิดปกติ


ที่มา : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต, โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ, โรงพยาบาลพิษณุเวช, หน่วยสารสนเทศมะเร็ง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์, โรงพยาบาลพญาไท, โรงพยาบาลเปาโลพระประแดง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง