นอนดี ชีวิตดี! ฉลองวัน World Sleep Day กับเคล็ดลับการนอนที่มีคุณภาพ
นอนดี ชีวิตดี! ฉลองวัน World Sleep Day กับเคล็ดลับการนอนที่มีคุณภาพ

เพราะการนอนก็สำคัญไม่แพ้กัน! เนื่องในวันนอนหลับโลก World Sleep Day ข่าวเวิร์คพอยท์23 ชวนคุณผู้อ่านมานอนหลับอย่างมีคุณภาพ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข!
(เรียบเรียงโดย อพัชชา ทองสนิท และ กัญญาณัฐ อาศัย)
เมื่อพูดถึงการรักษาสุขภาพ คนมักจะนึกถึงการออกกำลังการ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือการผ่อนคลายจิตใจ แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามไปคือการนอน ทั้งๆ ที่ในชีวิตของมนุษย์เรานั้นใช้เวลาถึง 1 ใน 3 ไปกับกิจกรรมนี้ และการนอนเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงทั้งกับสุขภาพการและสุขภาพจิต
สมาคมการแพทย์เพื่อการนอนหลับโลก (World Association of Sleep Medicine : WASM) จึงได้มีการกำหนดให้วันศุกร์สัปดาห์ที่ 2 เต็มสัปดาห์ ในเดือนมีนาคมของทุกปี เป็น “วันนอนหลับโลก(World Sleep Day)” ซึ่งปี 2568 นี้ ตรงกับวันที่ 14 มี.ค.
การนอนหลับที่ดีถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเราอย่างมาก ไม่เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน แต่ยังมีบทบาทในการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ การนอนหลับที่เพียงพอและมีคุณภาพจะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่ และยังมีส่วนช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นได้อีกด้วย
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ
1. การนอนหลับที่ดีควรใช้เวลา 7 – 8 ชั่วโมงต่อคืนเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและพักผ่อนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม จำนวนชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับช่วงวัยของแต่ละคน โดยเด็กๆ ควรนอนประมาณ 11 – 13 ชั่วโมง ขณะที่ผู้ใหญ่ควรนอน 7 – 8 ชั่วโมง
2. การนอนอย่างมีคุณภาพ คือนอนหลับครบทุกขั้นตอนของการหลับ ซึ่งแบ่งออกเป็นสามระยะหลักๆ คือ หลับตื้น หลับลึก และหลับฝัน เพราะทุกระยะมีความสำคัญ ช่วยฟื้นฟูร่างกายและสมองให้ทำงานได้ดี
การหลับ 3 ระยะ
1. หลับตื้น เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มเข้าสู่การพักผ่อน แต่ยังไม่มีการฝันเกิดขึ้น
2. หลับลึก เป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และลึกที่สุด อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจจะช้าลง และการหลั่งโกรทฮอร์โมนเกิดขึ้นเพื่อการฟื้นฟูเซลล์และการเจริญเติบโต
3. หลับฝันอีกระยะหนึ่งที่สำคัญคือ ช่วงหลับฝัน เป็นระยะที่แม้ว่าร่างกายจะได้พักผ่อน แต่สมองยังคงตื่นตัวอยู่ ช่วยในการจัดระบบความจำและพัฒนาทักษะต่างๆ การนอนหลับที่ดีจึงไม่เพียงแค่การนอนให้ครบชั่วโมง แต่ยังต้องมีคุณภาพในทุกระยะเพื่อให้ร่างกายและสมองได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่
บางครั้งแม้ชั่วโมงการนอนหลับจะสั้น แต่หากคุณภาพการหลับดี ร่างกายอาจได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย เช่น พันธุกรรม และการปรับตัวของร่างกายเองที่ช่วยให้หลับได้ลึกและมีประสิทธิภาพ
ในทางตรงกันข้าม หากแม้จะนอนหลับเป็นเวลานาน แต่ตื่นขึ้นมารู้สึกไม่สดชื่น นั่นอาจเกิดจากการหลับที่ไม่ลึกพอ หรือการสะดุ้งตื่นบ่อยครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของระบบหายใจและหลอดเลือดทำงานหนัก และแม้ว่าจะหลับนาน แต่ร่างกายกลับไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จึงทำให้รู้สึกเพลียแทนที่จะรู้สึกสดชื่น
อ้างอิง: ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
