เตรียมรถให้พร้อม ก่อนเดินทางช่วงสงกรานต์ ลดอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัย
เตรียมรถให้พร้อม ก่อนเดินทางช่วงสงกรานต์ ลดอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัย

“เทศกาลสงกรานต์” ช่วงเวลาที่หลายคนใช้โอกาสเดินทางกลับบ้าน หรือท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว มักเป็นช่วงที่มีสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงที่สุดของปี
“เทศกาลสงกรานต์” ช่วงเวลาที่หลายคนใช้โอกาสเดินทางกลับบ้าน หรือท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ก็มักเป็นช่วงที่มีสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงที่สุดของปี ดังนั้น การเตรียมรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะรถที่พร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น วันนี้เราจึงจะมาแชร์วิธีเตรียมรถให้พร้อม ก่อนเดินทางช่วงสงกรานต์ ลดอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัย
วิธีการเตรียมรถให้พร้อม ก่อนเดินทางช่วงสงกรานต์
1.ตรวจสอบระบบเบรก
ระบบเบรก คือ หัวใจของความปลอดภัยในการขับขี่ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากเบรกมีปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ โดยตรวจสอบ ดังนี้
- ผ้าเบรก (Brake Pads) ตรวจสอบว่าผ้าเบรกยังมีความหนาพอหรือไม่ หากได้ยินเสียงดังเอี๊ยดเวลาชะลอรถ อาจเป็นสัญญาณว่า “ผ้าเบรกหมด”
- น้ำมันเบรก (Brake Fluid) ตรวจระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่กำหนด น้ำมันเบรกเก่าอาจมีความชื้น ทำให้เบรกไม่แน่น
- จานเบรก (Brake Disc) สังเกตว่ามีรอยลึก รอยไหม้ หรือจานเบี้ยวหรือไม่ หากรถสั่นเวลาชะลอ อาจเกิดจากจานเบรกผิดปกติ
- แป้นเบรก (Brake Pedal) กดแป้นเบรกแล้วต้องไม่ยุบลึกเกินไป หากแป้นเบรกนิ่มหรือเบรกจม ควรนำรถเข้าศูนย์ทันที
- ไฟเตือนเบรกบนหน้าปัด หากมีสัญญาณไฟเตือนเบรกติดค้าง ไม่ควรละเลย อาจเป็นสัญญาณของระบบเบรกที่ทำงานผิดปกติ
2. เช็กสภาพยางและลมยาง
ยาง คือ จุดสัมผัสเดียวระหว่างรถกับพื้นถนน การดูแลให้ยางอยู่ในสภาพดี และมีลมยางที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ประหยัดน้ำมัน และยืดอายุการใช้งานของรถ โดยต้องตรวจ ดังนี้
- ตรวจสอบสภาพยาง ดูรอยแตก บวม ฉีกขาด หรือร้าว บนหน้ายางและแก้มยาง ตรวจสอบว่าไม่มี วัตถุแหลมคมหรือของเสียบติดในหน้ายาง
- เช็กลมยาง และเติมลมยาง ตามค่าที่ผู้ผลิตรถกำหนด (ดูได้จากสติ๊กเกอร์ข้างประตูคนขับ) ถ้าใส่ของหนักหรือบรรทุกคนเยอะ ควร เพิ่มลมยางเล็กน้อย เพื่อรองรับน้ำหนัก ต้องอย่าปล่อยให้ยางอ่อนเกินไป เพราะจะทำให้รถกินน้ำมัน ยางสึกไว และอาจระเบิดได้ ส่วนยางที่แข็งเกินไป อาจกระด้าง และเกาะถนนน้อยลง
- ยางอะไหล่เตรียมติดไว้ อย่าลืม เช็กสภาพ และเติมลมยางอะไหล่ เผื่อฉุกเฉิน รวมทั้งตรวจสอบว่ามี แม่แรง และอุปกรณ์เปลี่ยนยางที่พร้อมใช้งาน ตรวจดอกยางว่าไม่สึกจนเกินไป และเติมลมยางให้เหมาะสมกับคำแนะนำของผู้ผลิต
3. ตรวจสอบน้ำหล่อเย็นและน้ำในหม้อน้ำ
การเดินทางไกลในอากาศร้อนอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด จึงควรต้องตรวจสอบระบบระบายความร้อนของรถยนต์ โดยเฉพาะน้ำในหม้อน้ำ และน้ำหล่อเย็น (Coolant) คือ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากระบบระบายความร้อนทำงานผิดปกติ อาจทำให้เครื่องยนต์ โอเวอร์ฮีท หรือ พังกลางทาง โดยตรวจสอบ ดังนี้
- ตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำและถังพักน้ำ
- ตรวจรอยรั่วตามสายยาง
- ตรวจพัดลมหม้อน้ำทำงานปกติ
- เช็กระดับน้ำที่หม้อพักน้ำ (สำรอง) ต้องอยู่ระหว่างขีด MIN – MAX
- ตรวจสภาพน้ำ ไม่ให้มีสี ขุ่น เป็นตะกอน หรือมีสนิม ควรเปลี่ยนถ่ายทันที
4. ระบบไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณ
ไฟส่องสว่าง และไฟสัญญาณของรถยนต์ มีหน้าที่สำคัญทั้งในเรื่องของการมองเห็นและการส่งสัญญาณให้รถรอบข้างรับรู้การเคลื่อนไหวของเรา หากไฟขาด ติดๆ ดับๆ หรือมองไม่เห็นชัดเจน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์มักมีพื้นเปียก ฝนตกหรือขับรถตอนกลางคืน จึงควรตรวจสอบ ดังนี้
- ไฟหน้า สว่างเพียงพอ ไม่สั่นหรือหรี่ ปรับมุมไฟให้พอดี ไม่แยงตารถที่สวนทาง
- ไฟเลี้ยว ทดสอบว่าเปิดเลี้ยวแล้วไฟกระพริบตามปกติทั้งสองด้าน หากกระพริบเร็วผิดปกติ อาจหมายถึงหลอดใดหลอดหนึ่งขาด
- ไฟเบรก กดเบรกแล้วไฟท้ายต้องติดชัดเจน ทั้งสองข้าง ให้เพื่อนช่วยดู หรือใช้กระจกสะท้อนด้านหลังเพื่อตรวจสอบ
- ไฟฉุกเฉิน ทดสอบเปิด-ปิดว่าไฟกระพริบทั้งซ้ายและขวาพร้อมกัน สำคัญมากเมื่อต้องจอดรถฉุกเฉินหรือเกิดเหตุไม่คาดคิด
- ไฟถอยหลัง เมื่อเข้าเกียร์ถอย ไฟสีขาวท้ายรถต้องติด เพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่ารถกำลังถอย
- ไฟตัดหมอก (ถ้ามี) ตรวจสอบว่าใช้งานได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับในพื้นที่หมอกหนา
5. เช็กระบบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรตรวจสอบ เพราะระบบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก คือ ด่านหน้าในการรักษาความปลอดภัยและทัศนวิสัยในการขับขี่ หากเกิดฝนตกหรือเจอน้ำสาด จะได้ไม่เกิดอันตราย โดยตรวจสอบ ดังนี้
- ใบปัดน้ำฝน แนบสนิทกับกระจก ไม่มีอาการปัดไม่ทั่ว หรือเหลือคราบน้ำ ให้สังเกตว่ามีเสียงดังขณะปัด หรือใบปัดสะดุดหรือไม่ ถ้าใบปัดเริ่มแข็ง กรอบ หรือเป็นเส้นขีดขณะใช้งาน ควรเปลี่ยนทันที
- น้ำฉีดกระจก ตรวจสอบระดับน้ำใน ถังฉีดน้ำกระจก ให้อยู่ในระดับที่เพียงพอ ทดลองกดฉีดดูว่า หัวฉีดพ่นน้ำได้ดี ไม่อุดตัน เติมน้ำเปล่าผสมกับ น้ำยาเช็ดกระจก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการชะล้าง และถ้าหัวฉีดตัน อาจใช้อากาศอัดหรือลวดเล็กๆ ช่วยทำความสะอาด
6. ตรวจสอบแบตเตอรี่
แบตเตอรี่รถยนต์ เปรียบเสมือนหัวใจของระบบไฟฟ้าในรถ หากแบตฯ เสื่อมหรือหมดโดยไม่รู้ตัว คุณอาจต้องเผชิญกับปัญหา รถสตาร์ทไม่ติดกลางทาง โดยจะต้องตรวจสอบ ดังนี้
- ดูวันผลิตหรือวันเปลี่ยนแบต แบตเตอรี่ทั่วไปจะมีอายุใช้งานประมาณ 2–3 ปี หากใกล้ครบกำหนด ควรวางแผนเปลี่ยนล่วงหน้า ไม่ควรรอจนหมดสภาพ
- ตรวจระดับน้ำกลั่น (สำหรับแบตน้ำ) ควรให้ระดับน้ำกลั่นอยู่ระหว่างขีด MIN – MAX เติมน้ำกลั่นบริสุทธิ์เท่านั้น ห้ามใช้น้ำประปา
- ตรวจขั้วแบตเตอรี่ ตรวจว่าขั้วบวกและลบแน่นดี ไม่มีคราบขี้เกลือ หากมีสนิมหรือคราบเขียวๆ ควรถอดออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนหรือเบกกิ้งโซดา
- ใช้เครื่องวัดแรงดันแบต หากมีเครื่องมัลติมิเตอร์ สามารถวัดแรงดันแบตได้ แรงดันขณะจอดรถควรอยู่ที่ประมาณ 12.4 – 12.7 โวลต์
- ฟังเสียงขณะสตาร์ท ถ้าช้าหรือมีเสียงผิดปกติ ควรให้ช่างตรวจสอบ
7. เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน
สำหรับการเดินทางไกล โดยเฉพาะวันหยุดสงกรานต์ ที่คนเยอะมากมาย จึงต้องควรมีอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถไว้เสมอ เพื่อความปลอดภัย อุ่นใจในการเดินทาง ดังนี้
- แม่แรง ประแจขันล้อ
- สายพ่วงแบต
- ไฟฉาย ยางอะไหล่
- ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น
8. ตรวจเอกสารสำคัญ
สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำในการเดินทางช่วงสงกรานต์หยุดยาว คือ การเตรียมเอกสารสำคัญ ตรวจสอบให้ครบถ้วน พร้อมใช้งานกรณีฉุกเฉินตลอดเวลา ดังนี้
- ใบขับขี่
- สำเนาทะเบียนรถ
- พ.ร.บ. และประกันภัยรถยนต์
- เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน เช่น ประกัน, บริการลากรถ, โรงพยาบาล
และนี่คือการเตรียมรถให้พร้อม ก่อนเดินทางช่วงสงกรานต์ ลดอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัย ถึงแม้ช่วงสงกรานต์ จะเป็นเวลาสนุกสนานและผ่อนคลาย แต่ความปลอดภัยบนท้องถนนต้องมาก่อนเสมอ การเตรียมรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ไม่ใช่แค่ป้องกันอุบัติเหตุ แต่ยังช่วยให้คุณและครอบครัวเดินทางได้อย่างสบายใจ หายห่วง ขับขี่มีสติ ไม่ดื่ม ไม่ซิ่ง พักให้พอ เที่ยวให้ปลอดภัยในสงกรานต์นี้ได้เลย สนใจอัพเดตข่าวใหม่ๆก่อนใครก็สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ workpoint news 23