"5 ข่าวอาชญากรรม" ปี 67 จาก 6 ศพเวียดนามถึงดิไอคอน

"5 ข่าวอาชญากรรม" ปี 67 จาก 6 ศพเวียดนามถึงดิไอคอน

23928 ธ.ค. 67 14:03   |     Tum1

"5 ข่าวอาชญากรรม" สะเทือนสังคมไทย ปี 67 คดี 6 ศพเวียดนามถูกวางยาพิษ-ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา-หมอบุญฉ้อโกงหลอกลงทุน-คดีดิไอคอนกรุ๊ป-ยิง สจ.โต้ง

ข่าวอาชญากรรมในรอบปี 2567 ที่สร้างความสะเทือนใจและส่งผลกระทบกับสังคมวงกว้าง ทั้งโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากประสบหรืออยากให้เกิดขึ้น นอกเหนือจากจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่หรือผลพวกจากผู้เสพ ที่ปรากฏต่อหน้าสื่อแทบทุกวัน กับภัยพิบัติอย่างสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่ภาคเหนือในห้วงแรก จนถึงน้ำท่วม ดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากในภาคใต้ช่วงส่งท้ายปีแล้ว พบว่ามีข่าวฆ่าตัวตาย และคดีฆาตกรรมจากปมชู้สาวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวข่าวเวิร์คพอยท์ออนไลน์ ขอแสดงความเสียใจ ส่งกำลังใจ และความห่วงใยต่อผู้ได้รับผลกระทบทุกคนในโอกาสนี้ด้วย และขอนำเสนอ 5 สุดยอดข่าวอาชญากรรมที่สังคมให้ความสนใจในปี 67 นอกเหนือจากที่กล่าวมา 


1) "คดีจับ 18 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน"

คดีฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับคนดังและผู้เสียหายจำนวนมาก คือ คดีดิไอคอนกรุ๊ป โดยวันที่ 20 ธ.ค.67 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ DSI แถลง ดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก หลังที่ประชุมคณะฯ มีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 18 ราย และอีก 1 นิติบุคคล ผิดฐาน "ฉ้อโกงประชาชน , ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ , พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ ข้อหาตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง" สั่งฟ้องวันที่ 23 ธ.ค.67 ส่วนความผิดที่เกิดขึ้นนอกประเทศ แยกอีกสำนวนหนึ่ง โดยเอกสารหลักฐานก่อนมีมติเอกฉันท์สั่งฟ้อง มีมากกว่า 300,000 แผ่น พบความเสียหายทะลุ 1,644 ล้านบาทเศษ ผู้เสียหายทั้งหมด 7,875 ราย 


นอกจากนี้ DSI ขยายผล ขอออกหมายจับก่อนคุมตัว นายสามารถ และนางวิลาวัลย์ ผู้เป็นแม่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันและสมคบกันฟอกเงิน" ด้วย หลังจากพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับดิไอคอน ซึ่งนางวิลาวัลย์ อ้างว่าเป็นเงินทำบุญ และได้รับการประกันตัว ขณะที่ศาลไม่ให้ประกันตัวนายสามารถ เพราะเกรงจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและมีพฤติการณ์หลบหนี


คดีนี้ทำให้สังคมจับตา ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ต.ค.67 ที่ "ดิไอคอนกรุ๊ป" ถูกเปิดโปงว่าเป็นขบวนการธุรกิจตลาดแบบตรง มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี และวันที่ 16 ต.ค.67 ตำรวจสอบสวนกลาง นำหมายจับเข้าควบคุมตัว นายวรัตน์พล หรือ "บอสพอล" CEO ดิไอคอนกรุ๊ป ขณะเข้าให้ข้อมูลที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมด้วย "บอสปัน , บอสป๊อบ และบอสสวย" วันเดียวกัน ตำรวจเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหารวม 18 คน รวมทั้ง "แซม-ยุรนันท์ , มิน-พีชญา และกันต์-กันตถาวร" ด้วย ก่อนทยอยคุมตัวมาสอบปากคำตลอดทั้งคืน ที่กองบังคับการปราบปราม จากนั้นคุมตัว 17 บอส ฝากขังวันที่ 17 ต.ค.67 ส่วน "บอสพอล" ถูกส่งฝากขังในวันถัดมา ก่อนที่ DSI รับเป็นคดีพิเศษในวันที่ 24 ต.ค.67 และมีมติสั่งฟ้องดังกล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง : DSI แถลงหลังประชุมใหญ่ สั่งฟ้อง 18 บอส ดิไอคอน คดีฉ้อโกง



2) ยิง "สจ.โต้ง" ดับอนาถคาบ้านพัก "สุนทร วิลาวัลย์"

วันที่ 11 ธ.ค.2567 เวลาประมาณ 20.30 น. เกิดเหตุยิงกันในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ เป็นเหตุให้นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ อดีต สจ.โต้ง อายุ 48 ปี ซึ่งก็ถือผู้กว้างขวางและคนดังในวงการมวยไทย ทั้งเป็นลูกบุญธรรมของนายสุนทร ถูกยิงเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่นำกำลังไปตรวจสอบ ปิดล้อม เจรจากับผู้ที่อยู่ภายในบ้าน ซึ่งขณะนั้นตำรวจยังไม่รู้ว่ามีผู้เสียชีวิต กระทั่งกลุ่มคนในบ้านยอมวางอาวุธ จึงเข้าควบคุมสถานการณ์ 


ในบ้านหลังเกิดเหตุพบชายฉกรรจ์ 6 คน และนายสุนทร พร้อมสมาชิกในครอบครัว ก่อนพบศพ สจ.โต้ง อยู่ชั้น 1 หลังถูกยิงตกลงมาจากชั้น 2 ของบ้าน ตำรวจได้คุมตัวนายสุนทรกับพวก รวม 7 คน รวมทั้ง นายกอล์ฟกับนายตูน ผู้ต้องหาที่ภายหลังสารภาพว่าเป็นมือยิง ไปสอบสวนที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี และได้ตั้งข้อหาทั้ง 7 คน ในความผิดฐาน "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต"


ก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้ง เดินทางไปบ้านเกิดเหตุ ซึ่งมีการนัดพูดคุยเรื่องการเตรียมลงสมัคร ส.อบจ.ปราจีนบุรี เนื่องจากสมัยที่แล้วผู้ตายไม่ได้ลงสมัคร แต่ไปเป็นโปรโมเตอร์จัดมวย เมื่อจะกลับมาสมัครอีกครั้ง จึงต้องพูดคุยเพื่อจัดสรรผู้ลงสมัครกันในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นทราบว่า สจ.โต้ง ต้องการให้ สจ.จอย ภรรยาลงสมัครชิงตำแหน่ง แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่าย โดยวันเกิดเหตุ ได้มีการพูดคุยกับนายสุนทรกับพวกมาระยะหนึ่ง จากนั้น ได้ออกมาแล้วกลับเข้าไปในบ้านอีก และมีปากเสียงกับผู้ก่อเหตุอย่างรุนแรง ก่อนที่ สจ.โต้ง จะถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง : การเมืองท้องถิ่นปราจีนระอุ เปิดปมสังหาร “สจ.โต้ง” ดับคาบ้านกนกวรรณ



3) "คดี 'หมอบุญ' ฉ้อโกง-หลอกลงทุน 7.5 พันล้านบาท"

คดีนี้นับแต่มีผู้เสียหาย เข้ามาแจ้งความเอาผิด นพ.บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ผู้ก่อตั้ง รพ.ธนบุรี กับพวก ที่ สน.ห้วยขวาง ช่วงเดือน ธ.ค.66 และผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มในปี 67 ฐานฉ้อโกง-หลอกลงทุน รวมผู้เสียหายเเจ้งความ 250 คน ความเสียหายรวม 7,500 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 22 พ.ย.67 พนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 บช.น. ได้นำหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ นพ.บุญ พร้อมอดีตภรรยากับลูกสาว และพวกรวม 9 คน "ร่วมกันฉ้อโกง หลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ 5 โครงการใหญ่" ประกอบด้วย การสร้างศูนย์มะเร็ง พื้นที่ 7 ไร่ ย่านปิ่นเกล้า , โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ริมเจ้าพระยา ย่านพระราม 3 สร้างอาคารสูง 52 ชั้น เป็นที่พักผู้สูงอายุ 400 ห้อง , โครงการโรงพยาบาลใน สปป.ลาว 3 แห่ง , การเข้าร่วมทุนกับ รพ.ในประเทศเวียดนาม และโครงการสร้าง Medical intelligence ทำหน้าที่ด้านไอที


โดยพบว่า นพ.บุญ สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการออกสื่อต่างๆ ทั้งเว็บไซต์และการให้สัมภาษณ์ ก่อนให้โบรกเกอร์แจ้งระดมทุน อ้างว่าให้ค่าตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงิน ซึ่งช่วงแรกมีการชำระดอกเบี้ยให้ผู้เสียหายบางส่วน แต่ต่อมาไม่มีการจ่ายเงิน หรือไม่คืนเงินต้น บางกรณีพบมีเช็คเด้ง กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 29 ก.ย.67 นพ.บุญ ได้เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งข้อมูลต่อมาว่าหลบหนีไปประเทศจีน

คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานงานกับตำรวจสากล (Interpol) เพื่อออกหมายแดงติดตามจับกุมตัว นพ.บุญ และประสานตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนอดีตภรรยากับลูกสาว เดินทางพร้อมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 24 พ.ย.67 และศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะคดีมีอัตราโทษสูง เกรงจะหลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน


สำหรับข้อหาตามหมายจับนั้น นพ.บุญ มี 5 ข้อหา คือ "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ , สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน , และข้อหาเช็คเด้ง หรือออกเช็คแล้วขึ้นกับธนาคารไม่ได้" ส่วนอีก 8 คน รวมทั้งลูกเมียของหมอบุญ ถูกออกหมายจับในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน"


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :




4) "ไฟไหม้รถทัศนศึกษา สังเวย ครู-นักเรียน 23 ศพ"

โศกนาฏกรรมรับเดือนตุลาคม 2567 คือเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ มีนักเรียนและครู โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เสียชีวิต 23 คน บาดเจ็บจำนวนมาก ที่ถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค.67 ซึ่งสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยสาเหตุไฟไหม้รถบัสครั้งนี้ว่า มาจากการรั่วไหลของแก๊ส บริเวณส่วนหน้าของรถ โดยรถบัสคันดังกล่าวแจ้งจดทะเบียนติดตั้งก๊าซ 6 ถัง แต่ติดตั้งจริงถึง 11 ถัง ซึ่งไฟได้เริ่มลุกไหม้จากช่วงด้านหน้าตอนกลาง และไม่พบอุปกรณ์ค้อนทุบกระจก เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่ง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และการใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ก็ทำให้ไฟเกิดการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว


ประเด็นที่มีการตั้งคำถาม ทั้งในโลกออนไลน์และในสังคมทั่วไป นอกเหนือจากอุทาหรณ์และท่าที ความเห็นต่อการจัดทัศนศึกษาเด็กนักเรียน คือสภาพของรถบัสคันดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนของรถคันเกิดเหตุ พบว่า เป็นประเภทรถโดยสารไม่ประจำทาง ดัดแปลงยี่ห้อจาก อีซูซุ มาเป็นยี่ห้อ เบนซ์ มีจำนวน 8 สูบ 280 แรงม้า จำนวนที่นั่งผู้โดยสาร 41 คน ที่สำคัญคือ จดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.2513 หรือใช้งานมาแล้วกว่า 54 ปี ตลอดจนการติดตั้งแก๊สซึ่งเกินกว่าการแจ้งจดทะเบียนจาก 6 ถังเป็นติดตั้งจริง 11 ถังดังกล่าว


พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ นายสมาน (สงวนนามสกุล) คนขับรถบัส รวม 4 ข้อหา คือ "ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตราย แก่บุคคลหรือทรัพย์สิน , ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ , ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานเป็นเหตุให้บุคคลถึงแก่ความตาย"

ทาง อบจ.ปทุมธานี นำโดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เรียกขวัญกำลังให้แก่ผู้ประสบอุบัติเหตุ ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาดังกล่าวนี้ด้วย โดยมีการปิดถนนจัดงานขึ้นบริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 12.00 น. วันที่ 25 พ.ย.67


ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทำบุญเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา แนะเลี่ยงเส้นทาง



5) "6 ศพเวียดนามถูกวางยาพิษ ในโรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ"

คดีสะเทือนขวัญกลางกรุงเทพมหานคร ในคืนวันที่ 16 ก.ค.67 ที่พบศพชาวต่างชาติ 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน ในห้องพักของโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ พบว่า เป็นชาวเวียดนาม ในจำนวนนี้ถือสัญชาติอเมริกัน 2 ราย ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ขณะที่ตำรวจเร่งคลี่คลายคดี เพราะเกรงว่าจะกระทบกับการท่องเที่ยว เบื้องต้นแพทย์ประเมินระยะเวลาการเสียชีวิตทั้งหมด 12 - 24 ชม. ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกวางยาพิษ และมีร่องรอยการดื่มเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่ รพ.จุฬาลงกรณ์


พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำทีมตำรวจชุดคลี่คลายคดี แถลงข่าวในวันรุ่งขึ้น (17 ก.ค.67) พบว่า ผู้ก่อเหตุคือหญิงที่เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีใครอื่นเข้าไปยังห้องที่เกิดเหตุ มีการได้สั่งอาหารมาตั้งแต่ก่อนเที่ยง วันที่ 15 ก.ค.67 เมนูมีทั้งข้าวผัด , ต้มยำกุ้ง และผัดผัก ที่สำคัญคือ ตรวจพิสูจน์พบ "สารไซยาไนด์" ในกระบอกน้ำชาและในแก้วน้ำ ส่วนห้องเกิดเหตุพบว่า จะเช็คเอาท์ออกในวันที่ 16 ก.ค.67 เป็นวันที่มีการพบศพนั่นเอง โดยมีการแพ็กกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก่อนทั้งหมดจะกลายเป็นศพ ซึ่งทั้ง 6 คนเดินทางมาคนละวัน และเข้าเช็กอินที่โรงแรมดังกล่าวต่างวันเวลากัน มีบางคนเดินทางเข้ามาประเทศไทยหลายครั้งแล้ว

ต่อมา รศ.นพ.กรเกียรติ วงศ์ไพศาลสิน หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และผอ.ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ แถลงผลชันสูตรศพชาวเวียดนามทั้ง 6 คน เสียชีวิตจาก "ไซยาไนด์" พบในเลือดผู้เสียชีวิตและลักษณะบ่งชี้ทางร่างกายที่ชัดเจน 


อย่างไรก็ตาม ทางการไทยได้มีการประสานสถานทูตเวียดนาม สถานทูตสหรัฐอเมริกา และมีเอฟบีไอเข้ามาคลี่คลายคดีด้วย เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด โดยสาเหตุของการฆาตกรรม พบว่า ผู้เสียชีวิตลงมือฆ่าเพื่อนร่วมชาติ ด้วยการใช้สารไซยาไนด์ เนื่องจาก ติดหนี้สองสามีภรรยา 10 ล้านบาท อ้างว่านำเงินไปลงทุนสร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น และได้มีการทวงถามมาโดยตลอด ก่อนเกิดเหตุได้นัดหมายไปเคลียร์กันที่ประเทศญี่ปุ่น แต่วีซาไม่ผ่าน จึงนัดมาคุยกันที่ประเทศไทย และก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ขึ้น











TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง