121 ลัง! DSI ขุดหลักฐานลายเซ็นปริศนาคดีตึก สตง.

121 ลัง! DSI ขุดหลักฐานลายเซ็นปริศนาคดีตึก สตง.

11301 พ.ค. 68 18:08   |     AdminNews

DSI ใช้เวลา 5 ชม.เปิดลังเอกสาร 121 ลังจากไซต์ก่อสร้างอาคาร สตง. ตรวจสอบเชิงลึก หลังพบลายเซ็นวิศวกรหลายรายอาจถูกปลอมในเอกสารเบิกงบก่อสร้าง

1 พ.ค.68 ความคืบหน้าทางคดีในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ 4 เรื่อง รับเป็นคดีพิเศษแล้ว 2 คดี คือเรื่องกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือ คดีนอมินี และคดี ว่าด้วยความผิดการเสนอราคาต่อรัฐ หรือฮั้วประมูล ส่วนคดีผิดเรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และที่กรมสรรพากรร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบริษัทผลิตเหล็กบริษัทหนึ่ง ใช้ใบกำกับภาษีปลอม อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน


โดยตลอดทั้งสัปดาห์ดีเอสไอเดินเครื่องเรียกวิศวกร 51 คน จากบริษัทที่เกี่ยวข้องในการออกแบบและการก่อสร้างอาคาร สตง.มาให้ปากคำ ซึ่งในวันนี้ที่ห้องประชุมกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ได้นัดหมายเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมืองและผู้แทนจาก สตง. เปิดเอกสารเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างตึกหลังจากที่ DSI ได้อายัดเอกสารจากตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 26 ตู้หรือ 121 รายการ บริเวณโครงการก่อสร้างตึก สตง. 


การเปิดเอกสารทั้งหมดอย่างเป็นทางการ ได้เชิญผู้แทนบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสัญญาโครงการก่อสร้าง สตง. ได้แก่ สัญญาก่อสร้าง คือ กิจการร่วมค้า ITD-CREC (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) สัญญาออกแบบโครงสร้าง คือ กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัดบริษัท ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนชัลแทนส์ จำกัด) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด) และสัญญาควบคุมงาน คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด มาร่วมเปิดเอกสารดังกล่าว 


มีรายงานว่าในบรรดาเอกสารจำนวน 121 ลังที่ DSI ได้อายัดมานั้น ประกอบด้วย เอกสารที่เกี่ยวกับสัญญา เอกสารแบบแปลนเอกสารด้านการเงิน เอกสารเกี่ยวกับวัสดุ เอกสารการสั่งซื้อ เอกสารการสั่งซื้อปูนบางส่วน เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง เอกสาร Shop Drawing เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย รวมทั้งรายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งทั้งหมดเป็นเอกสารที่ยังไม่เคยตรวจค้นก่อนหน้านี้ 


ส่วนในวันนี้ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ได้นัดหมายสอบปากคำพยานวิศวกรสภา ด้าน พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ได้นัดหมายสอบปากคำพยานวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW จำนวน 10 ราย จากทั้งหมด 40 หมายเรียก เพื่อให้ชี้แจงกรณีมีรายชื่อและลายเซ็นปรากฏในเอกสารควบคุมงานตึก สตง. ได้เชิญวิศวกรได้มาสอบปากคำแล้ว 17 ราย 


ขณะที่เมื่อวานนี้นายศุภภางกูร พิชิตกุล รอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ เปิดเผยความคืบหน้าการเรียกสอบปากคำวิศวกรที่ถูกปลอมลายเซ็น ในคดีพิเศษ 32/2568 (โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการ สตง.) ว่า วันนี้วิศวกรเข้ามาให้ปากคำรวมทั้งหมด 10 คน โดยมี 3 คนที่ยอมรับว่าเป็นลายเซ็นของตัวเองจริงที่ปรากฏรายชื่อควบคุมงานของกิจการร่วมค้า PKW (พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด) ทั้ง 3 คนอ้างว่าไปควบคุมงานและปฏิบัติงานในไซต์งานจริง ซึ่งลายเซ็นของทั้ง 3 คนเป็นลักษณะการเซ็นรายงานประจำสัปดาห์ ส่วน 7 ราย เป็นวิศวกรของบริษัท ว.และสหายฯ ให้การปฏิเสธว่าลายเซ็นที่ปรากฏในเอกสารรายงานประจำสัปดาห์การควบคุมงาน ช่วงปี 2563 ไม่ใช่ลายเซ็นของตนเอง ซึ่งเป็นเอกสารประกอบการเบิกเงินกับ สตง. และไม่เคยเข้าไซต์งานก่อสร้าง สตง. รวมถึงบางคนก็ลาออกจากบริษัทไปแล้ว ซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนสอบสวนว่าชื่อและลายเซ็นไปปรากฏในเอกสารวิศวกรควบคุมงานได้อย่างไร โดยจะส่งตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์


ส่วนกรณีการปลอมแปลงลายเซ็นเพื่อแก้ไขการออกแบบ กิจการร่วมค้ายืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการเนื่องจากกิจการร่วมค้าเป็นผู้รับเหมาซึ่งอยู่ปลายทาง เป็นเรื่องของผู้คุมงานออกแบบ ผู้รับเหมาไม่ได้มีหน้าที่ที่จะไปตรวจสอบเลย ทั้งนี้ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จทางตัวแทนของกิจการร่วมค้าอิตาเลียนไทย ได้หลบสื่อออกจากห้องประชุมไม่ได้มีให้ไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับด้านคดีใดๆ 


นายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะหัวหน้าทีมผู้ออกแบบอาคาร ในฐานะพยานปากสำคัญตามรายงานของคณะพนักงานสอบสวน ได้นำเอกสารหลายรายการเข้ามายื่นต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นเอกสารชุดเดิมที่เคยนำมาชี้แจงแล้วก่อนหน้านี้


ขณะที่วันนี้ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของกระบวนการสอบสวนคดีตึก สตง. ของ DSI ในวันนี้ว่า ส่วนของการสอบปากคำวิศวกร 40 หมายเรียกจากจำนวน 51 รายในประเด็นเรื่องของการถูกนำลายเซ็นไปใช้ในโครงการ ในวันนี้ได้นัดหมายให้วิศวกรมาสอบปากคำจำนวน 10 ราย โดยมีวิศวกรคอนเฟิร์มที่จะเข้าให้ปากคำในวันนี้แล้ว 8 ราย ซึ่งจะแบ่งเป็นช่วงเช้า 4 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ และช่วงบ่ายอีก 4 ราย โดยได้นัดหมายให้มาสอบปากคำในเวลา 13:30 น.


ส่วนเอกสารที่ทาง DSI ตรวจยึดมาได้วันนี้จะมีการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดร่วมกับผู้แทนจากบริษัท อิตาเลียนไทย กิจการร่วมค้า PKW และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ก่อนจะเปิดเอกสารพร้อมกัน เพื่อจำแนกว่า เอกสารใดเป็นของใคร มาจากตู้ไหน และเป็นเอกสารเกี่ยวกับเรื่องอะไรที่ต้องนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานได้บ้าง ซึ่งหากเอกสารใดไม่ใช้ก็จะส่งคืนไปยังเจ้าของต่อไป ซึ่งการตรวจสอบต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะเอกสารจำนวนมาก 


สำหรับประเด็นที่ว่าวันนี้ทาง DSI ได้เรียกผู้แทนแค่ 3 หน่วยงานจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด กิจการร่วมค้า PKW และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ก็เพราะว่าทั้ง 3 หน่วยงานนี้เป็นเจ้าของเอกสารจำนวน 121 รายการ ส่วนบริษัทอื่น ๆ นั้น ยังไม่จำเป็นต้องเรียกมาในวันนี้ 


การเปิดเอกสารใช้เวลากว่า 5 ชม.เจ้าหน้าที่ได้เปิดเอกสารครบ 121 ลังแล้ว แต่ก็อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบเพื่อทำการคัดแยกเอกสาร เบื้องต้นเอกสารทั้งหมดถือเป็นประโยชน์ และเป็นเอกสารที่ทางดีเอสไอต้องการ โดยจะพิจารณานำเข้าสำนวนทั้งหมด 


ส่วนการเรียกสอบปากคำวิศวกร 8 คนในวันนี้ เบื้องต้นมาครบ 8 คน การสอบปากคำทั้งหมดตั้งแต่วันแรกรวมสอบไปแล้งทั้งสิ้น 25 คน จาก 40 คน โดยในวันพรุ่งนี้จะเป็นการสอบวันสุดท้าย ส่วนวิศวกรที่ไม่ได้มาตามนัด จะเรียกมาให้การใหม่อีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้สำหรับคดีที่ดีเอสไอรับผิดชอบ หากมีความคืบหน้า เจ้าหน้าที่จะรายงานให้ทางสื่อมวลชนได้ทราบอีกครั้ง - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat