“โรม” ซัด “วันนอร์” ใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

“โรม” ซัด “วันนอร์” ใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

36508 มี.ค. 68 21:01   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“โรม” ซัด “วันนอร์” สั่งลบชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติไม่ไว้วางใจนายกฯ เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เอื้อพวกพ้อง หวังสกดการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน

(8 มี.ค. 68) จากกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านนำโดยพรรคประชาชน ได้ยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยในญัตตินั้นได้มีการระบุชื่อของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นบิดาของ น.ส.แพทองธารด้วย โดยกล่าวหาว่า น.ส.แพทองธารยินยอมให้บิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ


ต่อมา นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้สั่งให้ผฝ่ายค้านแก้ไขญัตติที่ยื่นมา โดยให้ลบชื่อของนายทักษิณออก หากไม่แก้จะไม่มีการนำญัตติดังกล่าวบรรจุในวาระ เนื่องจากกังวลว่าอาจจะถูกฟ้องร้องได้


ล่าสุดวันนี้ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว การสั่งการของนายวันมูหะหมัดนอร์ เป็นการใช้อำนาจเพื่อเอื้อให้พวกพ้อง และเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


“การที่ประธานวันนอร์สั่งให้ฝ่ายค้านแก้ญัตติเอาชื่อคุณทักษิณออก คือ การใช้อำนาจเอื้อพวกพ้อง และหวังสกัดฝ่ายค้านไม่ให้ตรวจสอบรัฐบาล เป็นการใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ประการแรก ในเรื่องของการเขียนญัตติไม่ว่าจะเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือญัตติอื่นทั่วๆไป ไม่มีกฎหมาย หรือ ข้อบังคับใดของสภาที่ห้ามการเอ่ยถึงบุคคลภายนอก การเอ่ยถึงบุคคลภายนอกทำได้ โดยที่ข้อบังคับของสภาระบุเพียงว่าห้ามเอ่ยถึงชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็น ซึ่งในกรณีนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าคุณทักษิณเป็นที่สงสัยว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารบ้านเมือง ทิศทางของประเทศหลายเรื่องเราได้ยินจากปากอดีตนายก ไม่ใช่จากนายก วันนี้คนรอฟังจากนายกผู้พ่อ ไม่ใช่ผู้ลูก ดังนั้นถ้าห้ามฝ่ายค้านเขียนญัตติโดยระบุชื่อคุณทักษิณ ไม่ต่างอะไรกับการที่ประธานสภาใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อกลั่นแกล้งฝ่ายค้านให้ทำหน้าที่อย่างไม่เต็มที่


ประการที่สอง การที่ประธานสภาให้รองเลขาธิการสภารักษาการแทนเลขาธิการสภาทำหนังสือ ถึงฝ่ายค้านโดยอ้างว่าญัตติของฝ่ายค้านมีความบกพร่องนั้น เป็นการทำหน้าที่และใช้อำนาจไม่ถูกต้อง เพราะความบกพร่องในที่นี้ ต้องมีลักษณะเป็นความบกพร่องในรูปแบบหรือ มีฐานทางกฎหมายไม่ครบถ้วนในการที่จะ เสนอญัตติได้ เช่น จำนวนผู้ลงชื่อเสนออภิปรายไม่ไว้วางใจมีไม่ครบ ขาดตกบกพร่อง หรือลายเซ็นผิดพลาด ลักษณะแบบนี้มันถึงจะเข้าเกณฑ์ว่าเป็นความบกพร่อง 


การใช้อำนาจมั่วซั่ว โดยถือว่าการระบุชื่อบุคคลภายนอกเป็นความบกพร่องนั้น เป็นการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตไปมาก ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่สภารู้ดีว่าการใช้อำนาจแบบนี้เป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ แต่คงจะถูกกดดันหรือถูกสั่งให้ทำแบบนี้ เนื่องจากประธานสภารับงานมาและปกป้องนายใหญ่ จึงทำให้ทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดไม่ให้ฝ่ายค้านสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่


ประการที่สาม การใช้อำนาจของประธานสภายังเลวร้ายไปอีก เมื่อพบว่าการทำหนังสือแจ้งดังกล่าวมาที่ฝ่ายค้าน กลับพบว่าขัดแย้งต่อข้อบังคับการประชุมข้อที่ 176 หากพบว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีความบกพร่องจะต้อง แจ้งต่อผู้เสนอภายในเจ็ดวัน ปรากฏว่าการแจ้งของประธานสภากลับเกินกำหนดไปแล้ว ยิ่งตอกย้ำว่าการใช้อำนาจนี้เป็นการใช้อำนาจที่ไม่สุจริต เพื่อหวังปกป้องบุคคลที่ตัวเองรับใช้เท่านั้น


ประการสุดท้าย การเสนอญัตติที่มีการระบุชื่อบุคคลภายนอก ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทำกันมาโดยตลอด มีหลากหลายญัตติที่มีการเอ่ยชื่อถึงบุคคลภายนอก ยอมรับกันมาตรงๆ ว่าปัญหาของเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องความบกพร่องอะไร เพียงแต่คงจะมีบางคนไม่พอใจที่ฝ่ายค้านเอ่ยชื่อแบบนี้ใช่หรือไม่


เราควรจะเห็นการทำหน้าที่ของผู้อาวุโสที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ควรทำหน้าที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสภา ยึดถือกฎเกณฑ์เป็นที่ตั้ง วางตัวเป็นกลางให้สมกับบทบาทของประธานสภา แต่นี่มิใช่เลย กลับทำตัวเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลชัดเจนไม่มีคความเหมาะสมของการเป็นประธานจริงๆ


นี่จะหนีการตรวจสอบของสภา ด้วยวิธีนี้จริงๆ หรือ”


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง