“วิโรจน์” บุกสรรพากร จี้ตีวจสอบพฤติการณ์ออกตั๋ว P/N ของ “แพทองธาร”
“วิโรจน์” บุกสรรพากร จี้ตีวจสอบพฤติการณ์ออกตั๋ว P/N ของ “แพทองธาร”

“วิโรจน์” บุก กรมสรรพากรขอ ปิ่นสาย สุรัสวดี ส่งเรื่องให้ คกก.ภาษีอากรสอบตั๋ว P/N ของ “แพทองธาร” ขอผลสอบเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อร่วมรับผิดชอบกับคำวินิจฉัย หวั่นเกิด “แพทองธารโมเดล” ทำรัฐเสียประโยชน์จากการจัดเก็บภาษีการรับให้ ลั่นหากเกิดความเสียหายต่อชาติ เตรียมเอาผิดอธิบดีและคณะกรรมการ คกก.
(28 มี.ค. 68) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้ยื่นหนังสือถึงนาย ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ให้ทำการ ตรวจสอบและชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรถึงกรณีการถือตั๋วสัญญา P/N 9 ฉบับ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกัฐมนตรี ว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางหลีกเลี่ยงภาษีนั้น
โดยที่มายื่นหนังสือในวันนี้ มองว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประมุขฝ่ายบริหาร เป็นประธานคณะกรรมการการเงินการคลัง จัดได้ว่าเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อสาธารณะ ในเรื่องของวินัยการเงินการคลัง
ส่วนที่นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ออกมาชี้แจงว่า ตั๋ว P/N สามารถทำได้ ทั้งระบุและไม่ระบุเวลา นายวิโรจน์แสดงความเห็นว่า เป็นการชี้แจงลักษณะปักใจเชื่อ ว่าเป็นการทำธุรกรรมซื้อขาย โดยไม่มีการตั้งข้อสงสัยเลย โดยนายปิ่นสายระบุว่า ไม่มีการกำหนดกรอบการชำระเงิน หากผู้ขายมีการชำระเงินก็สามารถไปชำระภาษีบุคคลธรรมดาได้ ตาม ภงน. 90/91 แต่อธิบดีไม่ได้ตอบคำถาม ว่า ลักษณะดังกล่าวเป็นการทำนิติกรรมอำพราง หรือซื้อขายกันจริงๆ เป็นการรับให้ส่วนที่เกินจากที่กฎหมายกำหนดจะต้องจ่ายภาษีหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้กรมสรรพากรทำการวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษร ประชาชนมีความสงสัย หากในอนาคตประชาชนรายใดจะต้องการโอนหุ้นให้กับทายาทจะทำแบบนายกรัฐมนตรีด้วยการใช้ตั๋ว P/N ได้หรือไม่
พร้อมทั้งยกกรณีตัวอย่างในเศรษฐา ทวีสิน ที่มีการโอนหุ้นให้กับลูกสาว ในลักษณะของการให้ ซึ่งก็มีการชำระภาษีไปแล้ว 92 ล้านบาท แล้วสมมุติว่ามีนักธุรกิจที่มีลักษณะคล้ายกับนายเศรษฐา เกิดการเปลี่ยนใจใช้วิธีการออกตัว P/N แทน และตั๋ว P/N ไม่มีกำหนดอัตราการชำระและระยะเวลา ตามแพทองธารโมเดล ตนจึงขอตั้งคำถามว่ากรมสรรพากรจะไม่เลือกปฏิบัติการเรียกคืนภาษีรับให้กับบุคคลอื่นใช่หรือไม่
นายวิโรจน์ กล่าวย้ำว่า กรมสรรพากรจำเป็นต้องชี้แจงต่อสาธารณะให้ชัดเจนว่าหากนายกรัฐมนตรีทำได้นั่นหมายความว่าประชาชนทั่วไปก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามันจะมีวิธีการใดที่จะสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่าการออกตั๋ว P/N 9 ฉบับนั้นดำเนินการผิดกฎหมาย นายวิโรจน์ กล่าวว่า คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรสามารถตรวจสอบและสืบสวนข้อเท็จจริงได้ ตนจึงได้ทำหนังสือเพื่อขอให้อธิบดีกรมสรรพากรต้องดำเนินการตามมาตรา 13
สัตตะ(3) ของประมวลกฎหมายรัษฎากร เพื่อขอความเห็นต่อคณะกรรมการภาษีอากรให้ทำการวินิจฉัยกรณีการซื้อตั๋วสัญญาของ น.ส.แพทองธาร โดยให้ออกเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้เป็นแนวปฏิบัติในอนาคต
ส่วนในอนาคตจะมีการตรวจสอบการทำงานของอธิบดีกรมสรรพากรหรือไม่ หากไม่ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัย นายวิโรจน์กล่าวว่า ท่านจะปักใจเชื่อว่าเป็นการซื้อขายจริงจนไม่ได้ฉุกคิด แต่คราวนี้ท่านควรฉุกคิด สมมุติว่า น.ส.แพทองธารทำได้คนอื่นก็ทำบ้าง อะไรก็ตามที่เป็นช่องว่างของกฎหมาย มีหลักคิดอยู่ 2 เรื่อง คนที่ทำถ้าหากถูกกฎหมายก็พร้อมจะเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ถ้าหากมีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายจะมีพฤติกรรมหลบๆซ่อนๆ เพราะคนทำก็มีความระแวง เพราะตัวกฎหมายสามารถตีความกันได้ ส่วนอะไรก็ตามที่เป็นผลประโยชน์ต่อสาธารณะ ยิ่งทำมากก็ยิ่งดี ซึ่งถ้าหากกรณีนายกรัฐมนตรีมีผู้กระทำตามจำนวนมาก ตนขอถามว่าสาธารณะและประชาชนได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายมันจะกลายเป็นผลกระทบอย่างร้ายแรงในการจัดเก็บภาษีซึ่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน
กรณีที่นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ 2,900 ล้านบาทนั้น นายวิโรจน์มองว่า การยื่นต่อ ป.ป.ช. นั้นเป็นการยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ไม่ได้หมายความว่ามีการชำระภาษีอย่างตรงและถูกต้อง วันนี้ตนทำใจเป็นกลาง จึงต้องการคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการภาษีอากร เพราะว่าต้องการความเป็นธรรม เพราะนายกรัฐมนตรีก็คือประชาชนคนหนึ่ง ถ้าหากคณะกรรมการบอกว่าจะทำได้ ประชาชนคนอื่นก็ทำได้ แต่หลังจากนี้การจัดเก็บภาษีการรับให้จะไม่สามารถทำได้
นายวิโรจน์ยังมองว่า น.ส.แพทองธาร มีการวางแผนเรื่องการจ่ายภาษีแบบดุดัน Agressive Planning เพราะ จากการออกตั๋วสัญญา P/N 9 ฉบับจ่ทยภาษีให้รัฐเพียงแค่ 27 บาท จากปกติตั๋วสัญญากู้เงินจะต้องจ่ายภาษีอากรฉบับละ 10,000 บาท รวมเป็น 90,000 บาท ส่วนกรณีการเทียบเคียงการซื้อขายหุ้นของนายกรัฐมนตรีกับนางเบญจา หลุยเจริญ นายวิโรจน์แสดงความเห็นว่า ในกรณีของคุณเบญจาไม่มีความเห็นจากคณะกรรมการภาษีอากร จะเป็นการไปร้องให้ตรวจสอบ แต่สำหรับกรณีของนายกรัฐมนตรีนั้นตนย้ำว่า นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากรจะต้องรับผิดรับผิดชอบตามหน้าที่โดยตรงในการจัดเก็บภาษี เพราะนายปิ่นสายไม่ได้ทำหน้าที่ให้กับใครแต่ทำหน้าที่ให้กับประชน ซึ่งจะต้องวางตนให้มีความเป็นธรรม ตามมาตรา 62 แห่งรัฐธรรมนูญ ต้องจัดทำระบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรมกับสังคม การให้ความเห็นอย่างเดียวนั้นไม่พอ จึงจำเป็นต้องมีลายลักษณ์อักษรออกมา
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า จะให้เวลาอธิบดีทำงานแล้วตนจะใช้กลไกในชั้นคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ในการติดตามความคืบหน้า ซึ่งจะเชิญอธิบดีไปชี้แจง และจะเชิญผู้แทนจากสำนักงานตรวจเงินแห่งแผ่นดิน มาให้ความเห็นด้วยเพราะดูจากแนวปฏิบัติแล้ว การออกตั๋ว PN ของนายกรัฐมนตรีนั้นไม่สามารถจัดเก็บภาษีรับให้ได้
นายวิโรจน์ได้ชี้แจงว่า หลังถูกตีความเจตนารมณ์ของการอภิปรายของตนไปในทางผิดที่ผิดทาง นายวิโรจน์กล่าวว่า ตั๋ว P/N เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ไม่ได้ผิดกฎหมาย เป็นการใช้เพื่อเครดิตทางการเงินที่ยังคงทำได้ ปัญหาซึ่งจะต้องเป็นประเด็นในการวินิจฉัยคือเจตนาที่แท้จริง เป็นการซื้อขายจริงหรือไม่ หรือเป็นการซื้อขายทิพย์ แล้วใช้ตั๋ว P/N เป็นรูปแบบเลี่ยงจ่ายภาษีรับให้หรือเปล่า ดังนั้นจึงขอให้ ตรวจสอบวัตถุประสงค์และเจตนาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าหากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาซื้อขายกันจริงๆก็ไม่ผิด แต่ถ้าเป็นการจงใจทำนิติกรรมอำพรางสร้างรูปแบบการซื้อขายขึ้นมาทั้งๆที่เป็นการรับให้หุ้น ถือว่าเป็นนิติกรรมอำพรางที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นคนที่จะสามารถสืบสวนจนมีคำวินิจฉัยถึงเงื่อนไข องค์ประกอบ ที่เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพรางคือ คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
รวมไปถึงขอให้มีการตรวจสอบย้อนหลัง การยักย้ายถ่ายเทหุ้นของนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบการซื้อขายหุ้นที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ตอบชี้แจงในสภาว่าจะเริ่มชำระซื้อหุ้นในปีหน้า นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี ว่าท่านอาจจะคิดอยู่แล้วแต่ไม่บอกใคร พอวิโรจน์ถามท่านก็เลยตอบความลับที่เคยซ่อนไว้อยู่ในใจไม่เคยบอกใครก็อดใจไม่ไหว เลยบอกต่อสภา แต่ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ชำระเลย ซึ่งถือว่าเป็นการสะท้อนถึงเจตนา ขอให้คณะกรรมการนำไปวินิจฉัย ทั้งนี้ตนให้ความเป็นธรรมไม่เชื่อมโยงเรื่องการจ่ายภาษีระหว่างนางสาวแพทองธารกับนายทักษิณเพราะกฎหมายคนละยุคกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวโน้มของคำวินิจฉัยคณะกรรมการ ไปในทางการออกตั๋ว P/N ของนายกรัฐมนตรีไม่ผิดกฎหมาย ถือว่ายุทธการโรยเกลือของฝ่ายค้านล้มเหลวหรือไม่ นายวิโรจน์ชี้แจงว่า คณะกรรมการวินิจฉัยออกมาในลักษณะนั้น และไม่มีองค์ประกอบอื่นๆ รับรองว่าปีภาษีถัดไป จะพบความเสียหายต่อแผ่นดินแน่นอน เพราะภาษีการรับให้จะลดลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นหากมีคำวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษร นั่นหมายความว่าคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรและอธิบดีกรมภาษีอากรจะต้องรับผิดชอบ เพราะหลังจากนี้ตนจะรอดูหากพบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแผ่นดิน ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มบุคคลหรือคนใด ซึ่งตนจะเอาผิดคนที่ลงนามในคำวินิจฉัยเพราะเป็นการวางแนวทางที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากรณีความใกล้ชิดของนายปิ่นสาย สุรัสวดี เป็นบุตรชายของนายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย อาจจะทำให้คำวินิจฉัยเป็นไปในทิศทางของนายกรัฐมนตรี นายวิโรจน์ กล่าวว่า จะต้องให้ความเป็นธรรม และให้เวลากับอธิบดี โดยเชื่อว่าหากใช้คำว่าความใกล้ชิดจะเอื้อประโยชน์ต่อกันนั้น เป็นการกล่าวหามากเกินไป ให้เวลาและการกระทำในการใช้อำนาจเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าประชาชนจะไว้ใจท่านได้อีกหรือไม่
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ แจ้งข่าวดี ทางการเมียนมาอภัยโทษลูกเรือประมงไทย 4 รายแล้ว ทางการไทยเตรียมประสานนำตัวกลับแผ่นดินแม่
