“ปวิน” ฉะ “ทูตรัศม์” อย่าถามหาเครดิตคนอื่นถ้าตัวเองไม่มี
“ปวิน” ฉะ “ทูตรัศม์” อย่าถามหาเครดิตคนอื่นถ้าตัวเองไม่มี

“ปวิน” โพสต์แรงฉะ “ทูตรัศม์” หลังออกมาโต้ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่เรื่องรับผู้ลี้ภัยอุยกูร์จากไทย บอกอย่าถามหาเครดิตจากคนอื่นถ้าตัวเองไม่มีเครดิต
(6 มี.ค. 68) หลังจากวานนี้(5 มี.ค.) มีการออกมาเปิดเผยรายชื่อประเทศที่ก่อนหน้านี้เคยแสดงความพร้อมรับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์จากประเทศไทย แต่ทางการไทยไม่ตัดสินใจเรื่องส่งตัวต่อให้ โดยนายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรมได้เปิดเผยบันทึกชวเลขการประชุม(บันทึกการประชุมอย่างละเอียด) ของที่ประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 โดยอ้างว่าผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศได้ให้ข้อมูลกับทาง กมธ. ว่าประเทศสหรัฐอเมริกา, สวีเดน, และออสเตรเลีย แสดงความพร้อมรับตัวผู้ลี้ภัย นอกจากนี้ยังมีรายงานพิเศษจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ที่ระบุแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ ว่าที่ผ่านมาสหรัฐฯ, แคนาดา, และออสเตรเลีย ก็เคยแจ้งทางไทยเช่นกันว่าพร้อมรับตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์
หลังจากเปิดเผยดังกล่าว นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นอดีตเอกอัครราชทูตเกษียณอายุ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns ระบุว่า
“ขอเรียนดังนี้
ผมก็ได้เคยบอกไปแล้วว่าเคยมีบางประเทศมาขอรับไป (ซึ่งผมหลีกเลี่ยงเอ่ยนาม โดยอาจไม่ได้อธิบายมากพอเพราะไม่อยากให้กระทบประเทศอื่น) แต่ผมได้ใช้คำว่า “ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ที่จะรับไปจริงจัง” เพราะการมาบอกแค่ว่าพร้อมรับนั้น ในความจริงมันไม่ได้ง่าย หรือแทบทำไม่ได้จริงสำหรับประเทศไทย
มันไม่ใช่ว่าเขาพร้อมรับแล้วเราส่งไปมันจะจบแค่นั้น แต่เราอาจต้องเผชิญการตอบโต้จากจีน ที่อาจกระทบชีวิตคนไทยอีกมากมายนับไม่ถ้วน ถามว่าถ้าส่งให้ประเทศที่สาม ลองถามคนไทยทั้งประเทศก่อนหรือยังว่าเขาจะพร้อมรับผลกระทบที่ตามมาไหม? และมันยุติธรรมกับคนไทยไหมที่ต้องมารับผลกระทบกับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ? จะเอาอย่างนั้นจริงหรือเปล่า?
เดิมผมเองก็เคยเชื่อว่าเราอาจพอมีทางส่งไปประเทศที่สามได้ ซึ่งจริงๆ อาจพอทำได้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่มีแรงกดดันต่อไทย และอาจช่วยได้มากหากไม่มีการนำเสนอข่าวเรื่องนี้อย่างครึกโครมทั่วไปหมด ที่อาจช่วยให้เราสามารถดำเนินการอย่างแนบเนียนเงียบๆได้ แต่ก็เป็นอย่างที่ทราบ
ผมเองยังเคยหวังว่าเราจะส่งไปประเทศที่สามได้ แต่ก็ยอมรับความเป็นจริงว่าผลกระทบต่อประเทศไทยในการส่งไปประเทศที่สามนั้นมันมหาศาล ที่ยากจะดำเนินการได้จริง (ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลใด ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน จะกล้าส่งจริง) และคนเหล่านี้ก็จะถูกขังอยู่อย่างนั้น ไปเรื่อยๆจนตายคาคุก
อย่างที่บอกข้างต้นว่าการส่งไปประเทศที่สามมันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะมันมีผลกระทบตามมามหาศาล การที่ผมบอกว่าไม่มีประเทศไหนที่แน่วแน่ช่วยรับจริงจัง จึงหมายถึงว่าไม่มีประเทศไหนที่มาบอกว่าจะรับแล้วพร้อมไปช่วยเจรจาล้อบบี้ให้จีนยินดียอมรับให้ไทยส่งตัวไปประเทศที่สามนั้นๆ ได้ หรือมาบอกว่าพร้อมรับและหากไทยถูกจีนตอบโต้ยินดีจะยื่นมือมาช่วยเหลือเรา ผมเชื่อว่าไม่มีหรอกครับ
ในความเห็นของผม แค่บอกพร้อมจะรับเฉยๆมันไม่พอ หรือในแง่หนึ่งแค่บอกก็เหมือนไม่ได้บอกนั่นเอง เพราะมันทำไม่ได้จริง การที่ทางการจีนมีคำมั่นที่จะให้คนเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมปกติจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุดสำหรับคนเหล่านี้ รวมทั้งประเทศไทยและชาวไทยให้ไม่ต้องพลอยรับผลกระทบเรื่องนี้ หรือให้ได้รับน้อยที่สุด
จีนเขาเป็นมหาอำนาจที่เขาก็ต้องรักษาคำพูดของเขา ถ้าเราไม่เชื่อคำพูดของเขา เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อเขาต่อไปในทุกด้านได้อย่างไร
ผมขอยืนยันว่าความคิดการส่งตัวไปประเทศที่สามคือความคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และปัดความรับผิดชอบ รวมทั้งไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ที่จะขังพวกเขาไว้ต่อไปจนตาย
เรื่องนี้ผมเห็นว่ารัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น และการที่เราขอให้จีนมีหนังสือยืนยันความปลอดภัย เป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกฝ่ายแล้ว ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่มีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่ หากแต่อยู่ที่ประเทศไทยมีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด
เรื่องนี้มันซับซ้อนและหลักการสวยหรูอะไร ไม่สามารถช่วยคนไทยได้ เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะทำเพื่อคนไทย รวมทั้งคนอุยกูร์เหล่านั้น หรือทำตามประเทศตะวันตกที่สาม ที่ถึงเวลาเขาจะมาช่วยเราจริงจังแค่ไหน
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่ว่ามีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่แค่นั้น หากแต่อยู่ที่ประเทศไทยมีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเลือกทางใดที่จะกระทบคนไทยน้อยที่สุด หรือว่าอยากจะเลือกหนทางที่จะกระทบชีวิตประชาชนคนไทยให้มากที่สุด?”
ล่าสุด ศ.ดร.ปวิน ชัชชวาลพงศ์พันธ์ ศาตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ได้โพสต์ภาพจากสื่อ เป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับนายรัศม์ ซึ่งภาพหนึ่งระบุข้อความพาดหัวว่า “ไม่มีประเทศที่สามรอรับตัวชาวอุยกูร์” ส่วนอีกภาพระบุข้อความพาดหัวว่า “รับมีประเทศที่ 3 อยากรับอุยกูร์แต่ไม่พร้อมมีเรื่องกับจีน” พร้อมกันนี้ ดร.ปวิน ยังโพสต์ข้อความด้วยว่า
“ว้ายยยย ทูตหางแถวโป๊ะ 55555 จำไว้ อย่ามาถามหาเครดิตคนอื่น ถ้าตัวมึงเองไม่มีเครดิต”
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ดร.ปวิน เคยวิพากษ์วิจารณ์การผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนของรัฐบาลไทยว่า “ไม่เพียงแต่ทำผิดหลักปฏิบัติระหว่างประเทศ แต่ยังไร้ซึ่งมนุษยธรรมอย่างสิ้นเชิง”
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
