“แพทองธาร ชินวัตร” จากลูกสาวนายกฯ สู่นายกรัฐมนตรีหญิง

“แพทองธาร ชินวัตร” ชื่อนี้เป็นชื่อที่คอการเมืองทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่รู้จักกันดี หลายคนมีภาพจำของเธอตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัยรุ่น ที่มักจะติดสอยห้อยตาม สนับสนุนการทำงานการเมืองของ “ดร.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ผู้เป็นพ่อ ภาพของลูกสาวนายกฯ ที่สวมชุดพนักงานของร้านฟาสท์ฟู้ดชื่อดัง ทำงานพาร์ตไทม์เพื่อหาประสบการณ์และเป็นตัวอย่างให้กับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันก็เป็น 1 ในภาพข่าวที่ดังที่สุดในยุคสมัยนั้น

กระทั่งปี 2549 คุณพ่อของเธอถูก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พร้อมคณะ ทำการรัฐประหารยึดอำนาจ จนตัวของ ดร.ทักษิณ ต้องลี้ภัยการเมืองไปต่างประเทศ ชื่อของแพทองธาร จึงค่อยๆ หายไปจากหน้าข่าวการเมือง

ผ่านไปเกือบ 20 ปี แพทองธารในวัยผู้ใหญ่กระโดดเข้าสู่การทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว โดยเริ่มจากเป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2564 จากนั้นในปี 2565 เธอได้รับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปูทางไปสู่การเป็น 1 ในผู้ที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2566 ร่วมกับ นายชัยเกษม นิติสิริ นักกฎหมายมือดีของพรรค และนายเศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่ต่อมาได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

หลังการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลผ่านพ้นไป ในวันที่ 13 กันยายน 2566 ในการประชุม ครม.นัดแรก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และแต่งตั้งให้แพทองธารเป็นรองประธานกรรมการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 เศรษฐาได้แต่งตั้งเธอเพิ่มอีก 2 ตำแหน่ง คือ ประธานกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และต่อมาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เศรษฐาได้แต่งตั้งเธอเป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติอีกตำแหน่งหนึ่ง

ในวันที่ 27 ตุลาคม 2566 พรรคเพื่อไทยได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และที่ประชุมมีมติเลือกแพทองธารเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ด้วยวัยเพียง 37 ปี โดยเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ในระหว่างรัฐบาลของนายเศรษฐา แพทองธารได้ทำงานสนับสนุนและเป็นหัวหอกในการผลักดันนโยบายด้านซอฟต์พาวเวอร์ให้กับรัฐบาลอย่างแข็งขัน กระทั่งวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา หลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะส่งใครเป็นตัวแทนในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนถัดไป

แม้ว่าช่วงค่ำของวันที่ 14 ส.ค. จะมีข่าวออกมาว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการหารือกัน และเห็นพ้องให้พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อของนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป แต่ในเช้าวันรุ่งขึ้น(15 ส.ค. 67) ที่ประชุม สส.ของพรรคเพื่อไทย กลับมีมติเสนอชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ว่ามีความเหมาะสมกว่า เนื่องจากมีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาสุขภาพของนายชัยเกษม

จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 15 ส.ค. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยพรรคร่วมรัฐบาลรวมทั้งหมด 9 พรรค ตั้งโต๊ะแถลงร่วมกันระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีมติเสนอชื่อ แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

และในวันที่ 16 ส.ค. 2567 สภาผู้แทนราษฎรได้โหวตรับรองให้แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ด้วยคะแนน เห็นชอบ 319 ไม่เห็นชอบ 145 และงดออกเสียง 27 คะแนน ทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คุณอาของเธอ และเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ: แพทองธาร ชินวัตร

วันเกิด: 21 ส.ค. 2529

บุพการี: ทักษิณ ชินวัตร (บิดา), พจมาน ณ ป้อมเพชร (มารดา)

การศึกษา: โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์

     โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย 

     รัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

     ปริญญาโท International Hotel Management มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ

คู่สมรส: ปิฎก สุขสวัสดิ์(สมรส 2562)

บุตร: ธิธาร สุขสวัสดิ์, พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์