หน้าฝนระวัง “ไข้เลือดออก” แค่ 4 เดือน อีสานล่างป่วยแล้ว 500 ราย
หน้าฝนระวัง “ไข้เลือดออก” แค่ 4 เดือน อีสานล่างป่วยแล้ว 500 ราย

ควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เตือน หน้าฝนน้ำขัง ระวังไข้เลือดออกระบาด ปี 68 4 จังหวัดอีสานล่าง ป่วยแล้วเกือบ 500 ราย กลุ่มเด็กป่วยมากสุด เร่งกำจัดลูกน้ำยุงลาย ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์
(16 พ.ค. 68) นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออกใน 4 จังหวัดอีสานตอนล่างในเขตสุขภาพที่ 9 ว่า “ระหว่างวันที่ 1 มกราคม –10 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม จำนวน 495 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ได้แก่ 1) จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วยสะสม 166 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 10.63 ต่อประชากรแสนคน 2) จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วยสะสม 184 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต คิดเป็น อัตราป่วย 7.16 ต่อประชากรแสนคน 3) จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วยสะสม 105 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต อัตราป่วย 7.74 ต่อประชากรแสนคน และ 4) จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วยสะสม 40 ราย มีผู้เสียชีวิต 3 ราย อัตราป่วย 3.74 ต่อประชากรแสนคน โดยกลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 10-14 ปี รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี และ 0-4 ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก ที่ยังไม่ค่อยรู้วิธีระมัดระวังป้องกันตนเอง พ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องเฝ้าระวังป้องกันเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝน มักจะมีน้ำขังตามภาชนะและพื้นที่ต่างๆ ซึ่งยุงลายมักจะไปวางไข่ขยายพันธุ์ และเป็นพาหะนำโรค จะส่งผลให้มีการแพร่เชื้อโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น
จึงขอเตือนให้ประชาชนป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด โดยทายากันยุงเพื่อป้องกัน และสวมเสื้อผ้ามิดชิด นอนในมุ้ง หรือติดมุ้งลวดในบ้าน และหลีกเลี่ยงสถานที่มียุงชุกชุม ส่วนชุมชนขอให้ร่วมมือกันสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายตาม “มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ได้แก่ เก็บบ้านให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก เก็บขยะภายในและรอบๆ บริเวณบ้านไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เก็บน้ำเก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ รวมไปถึง ช่วยกันกำจัดลูกน้ำยุงลายให้ครอบคลุมในพื้นที่ 7 ร. ได้แก่ 1.โรงเรือน (บ้าน/อาคาร) 2.โรงเรียน/สถานศึกษา 3.โรงพยาบาล 4.โรงธรรม (วัด/มัสยิด/โบสถ์) 5.โรงแรม/รีสอร์ท 6.โรงงาน และ 7.ส่วนราชการ/องค์กรเอกชน ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคติดต่อนำโดยยุงลายได้ 3 โรค คือโรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา
และที่สำคัญ หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการป่วย สงสัยเป็นไข้เลือดออก สังเกตจากอาการ จะไข้สูงเฉียบพลันเกิน 39-40 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หน้าแดง อาจมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา นอกจากนี้ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และเบื่ออาหาร ส่วนใหญ่ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ต่อมาไข้จะลดลง ในระยะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ ดังนั้น จึงไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ถ้าจะทานยาลดไข้เพื่อบรรเทาอาการ ให้ใช้ยาที่ปลอดภัย คือ ยาพาราเซตามอล ทานตามขนาดยาที่กำหนด ควรหลีกเลี่ยงยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุด ซึ่งอาจมีผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร และยากต่อการรักษา โดยหลังจากยาลดไข้หรือเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลด ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยเร็ว
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
