เตือนอย่าเสี่ยงดวดเหล้าพร้อมกินหมูดิบ เสี่ยงตายไข้หูดับ

เตือนอย่าเสี่ยงดวดเหล้าพร้อมกินหมูดิบ เสี่ยงตายไข้หูดับ

37104 ก.ย. 67 12:44   |     Tum1

สคร.9 เตือน! อย่าเสี่ยงดวดเหล้าพร้อมกินหมูดิบ เสี่ยงตายไข้หูดับ เผยอีสานใต้ป่วย 135 ราย เสียชีวิต 11 ราย

วันที่ 4 กันยายน 2567 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา (สคร.9 นครราชสีมา) เปิดเผยว่า ช่วงนี้พบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หูดับเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก การดื่มสุราร่วมกับกินหมูดิบ , ลาบเลือดดิบ , ก้อยดิบ และแหนมหมูดิบนั้น ทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย "สเตรปโตคอกคัส ซูอิส" นอกจากผู้รับประทานหมูดิบแล้ว โรคนี้ยังมีความเสี่ยงไปถึงพ่อครัว แม่ครัว ผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผล แล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ ทำให้เสี่ยงเป็นโรคไข้หูดับได้ 

ดังนั้น สคร.9 จึงย้ำเตือนประชาชนว่าอย่ากินหมูดิบ รวมถึงใช้วิธีบีบมะนาวเพื่อให้หมูสุก อาหารปิ้งย่างควรใช้อุปกรณ์คีบเนื้อหมูสุกและเนื้อหมูดิบแยกจากกัน ไม่ควรใช้ตะเกียบคีบหมูดิบ แล้วนำมารับประทาน เพราะหากติดเชื้อโรคไข้หูดับแล้ว อาจทำให้สูญเสียการได้ยินหรือที่เรียกว่า "หูดับ" จนถึงขั้นหูหนวกถาวรได้  



โดยนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคไข้หูดับว่า เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ 

1.เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆดิบๆ  

2.การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ ทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค 

โดยเชื้อจะเข้าทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา รวมทั้งการสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย หลังจากได้รับเชื้อ 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง สูญเสียการได้ยิน ในรายที่อาการรุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้



สำหรับสถานการณ์โรคหูดับ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ถึง 3 กันยายน 2567 พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ จำนวน 135 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 11 ราย กลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และกลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 

  • 1) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 80 ราย เสียชีวิต 7 ราย 
  • 2) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 27 ราย เสียชีวิต 2 ราย 
  • 3) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 15 ราย เสียชีวิต 1 ราย 
  • 4) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 1 ราย 


นายแพทย์ทวีชัย กล่าวด้วยว่า ในการป้องกันโรคไข้หูดับ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตน ดังนี้ 

  • รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น ผ่านความร้อนอย่างน้อย 60-70 องศาเซลเซียส ในเวลา 10 นาที 
  • อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” 
  • ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา
  • เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มา ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ 
  • ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ขณะทำงานควรสวมรองเท้าบูทยาง และสวมถุงมือ หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสหมูทุกครั้ง  
  • หากมีอาการป่วย สงสัยโรคไข้หูดับโดยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ร่วมกับประวัติเสี่ยง ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที แจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูดิบให้ทราบ 



โดยผู้ที่มีอาการป่วย หากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว ได้รับยาปฏิชีวนะเร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่หากติดเชื้อ จะมีอาการป่วยรุนแรง เนื่องจาก ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง