สาวแสบต่อผมไม่จ่ายเงิน เจ้าของร้านบังเอิญเจอ จับถอดผมตามจำนวนเงิน
สาวแสบต่อผมไม่จ่ายเงิน เจ้าของร้านบังเอิญเจอ จับถอดผมตามจำนวนเงิน
สาวแสบใช้บริการร้านต่อผม ก่อนชิ่งหนี ไม่จ่ายเงิน เจ้าของร้านบังเอิญเจอ สาวแสบ อ้าง! ไม่ได้หนี แต่เงินไม่พอจ่าย เจอจับถอดผมตามจำนวนเงิน
(17 ธ.ค.67) จากกรณีผู้ใช้บัญชี TikTok รายหนึ่ง เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ขณะกำลัง ใช้กรรไกรตัดผมของผู้หญิงคนหนึ่ง โดยระบุว่า หญิงคนดังกล่าวที่ปรากฏในคลิปมาใช้บริการต่อผมที่ร้าน ก่อนจะชิ่งไม่จ่ายเงิน กระทั่งเจ้าของร้านตามไปเจอตัว จึงเกิดเหตุการณ์ตามคลิปที่ปรากฏ
ล่าสุด คุณเนย ณัฏฐ์ชนิตว์ ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ลงพื้นที่ไปยัง ร้านต่อผมใบเงิน ในตลาดบางแคพลาซ่า แขวงและเขตบางแค กรุงเทพฯ พูดคุยกับ นางสาวไปรยา อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และตกเป็นผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ผู้หญิงที่ปรากฏในคลิปมาใช้บริการที่ร้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 วัน (11 ธันวาคม 2567) หญิงคนดังกล่าวเดินมาหาตนเองที่ร้านแล้ว แต่ขณะนั้นร้านปิด จึงมีการนัดหมายกันในวันรุ่งขึ้นคือวันเกิดเหตุ
จากนั้นวันเกิดเหตุผู้หญิงคนดังกล่าวก็มาตามนัดเพื่อต่อผม ซึ่งตนเองก็ได้แนะนำต่อผมในราคาที่ถูกที่สุดของร้าน อยู่ที่ 3,000 บาท แต่หญิงคนดังกล่าวมีการต่อรองกับทางร้านว่ามีเงินจำนวน 2,000 บาท ซึ่งตนเองด้วยความเห็นใจ และเข้าใจผู้หญิงด้วยกันจึงยอม พร้อมกับแนะนำให้ต่อ 3 แถว ราคาแถวละ 700 บาท เป็นเงิน 2,100 บาท ซึ่งตนเองคิดค่าบริการเพียง 2,000 บาท ลดให้เพิ่มเติมอีก 100 บาท
โดยในระหว่างที่ต่อผมให้อยู่นั้น หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ได้มีท่าทีที่แปลกแต่อย่างใด และยังมีการพูดคุยกันตามปกติ จนกระทั่งต่อผมจนเสร็จเรียบร้อย ปรากฏว่าหญิงคนดังกล่าวอ้างกับทางร้านว่าลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่รถจักรยานยนต์ ซึ่งจอดอยู่ในซอยติดกับตลาด ซึ่งตนเองก็ได้เดินออกจากร้านไปพร้อมกับหญิงคนดังกล่าว เมื่อไปถึงรถจักรยานยนต์หญิงคนดังกล่าวทำท่าทีคล้ายกับหากระเป๋าสตางค์ และมีการพูดออกมาเหมือนกับว่าหาเงินไม่เจอ
ขณะนั้นตนเองเริ่มเอะใจ และรู้แล้วว่าน่าจะไม่ได้เงินค่าต่อผม จึงได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของหญิงคนดังกล่าวและขี่กลับมาในตลาดที่ร้านของตนเองตั้งอยู่ ปรากฏว่าเมื่อตนเองลงจากรถจักรยานยนต์นั้น หญิงคนดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์หนีทันที ตนเองพยายามจะคว้าแขนไว้ แต่จับไม่อยู่ จากนั้นหญิงคนดังกล่าวก็หายไป กระทั่งตนเองกลับมาที่ร้าน และบอกกับน้องที่ร้านว่าถูกโกงเงินค่าต่อผม ทำให้ในวันนั้นปิดร้าน และกลับไปพักผ่อนทันที
กระทั่งช่วงหัวค่ำ น้องสาวของตนเองโทรศัพท์มาบอกกับตนเองว่าบังเอิญเจอหญิงคนดังกล่าวในร้านสะดวกซื้อ ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกับร้านต่อผมของตนเอง ซึ่งขณะนั้นตนเองกลับไปพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จึงรีบชวนแฟนขับรถมาหาทันที เมื่อเจอก็พยายามทวงถามถึงค่าบริการต่อผมจำนวน 2,000 บาท ที่หญิงคนดังกล่าวค้างจ่าย
ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้หนี และไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่จ่ายเงิน พร้อมกับอ้างอีกว่าที่จ่ายเงินไม่ได้เพราะโทรศัพท์หาย แต่ขณะนั้นตนเองไม่เชื่อแล้ว จนกระทั่งมีปากเสียงกัน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเจรจา โดยหญิงคนดังกล่าวบอกว่ามีเงินจำนวน 1,300 บาท เท่านั้น ซึ่งตนเองก็ยอมรับเงินตามที่หญิงคนดังกล่าวอ้าง พร้อมกับบอกไปว่า หากจ่ายแค่ 1,300 บาท ขอตัดผมที่ต่อไปออกหนึ่งแถว เป็นเงิน 700 บาทที่เหลือ ในตอนแรกหญิงคนดังกล่าวไม่ยอม มีการตะโกนโวยวายและด่าทอตนเอง แต่สุดท้ายก็ยอมให้ตัดผมออก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ตามคลิปที่ปรากฏ
พร้อมเล่าอีกว่าตลอดเวลาที่เปิดร้านต่อผมมานั้น มักมีลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ ที่เคยมาใช้บริการที่ร้านแล้ว มีพฤติกรรมโกงค่าต่อผม สำหรับลูกค้ารายล่าสุดที่ปรากฏในคลิปนั้น ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ก็เคยมาใช้บริการที่ร้านเช่นเดียวกัน ซึ่งในครั้งนั้นหญิงคนดังกล่าวจ่ายค่าบริการตามปกติ กระทั่งมาเจอและเกิดเหตุการณ์ล่าสุด
ตนเองไม่ได้ติดใจเอาความเพราะถือว่าอย่างน้อยก็ได้เงินบางส่วนแล้ว ถือเสียว่าทำบุญ แต่ก็ไม่อยากให้หญิงคนดังกล่าวไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับใครหรือร้านใดอีก
ขณะที่ นางสาวสุดารัตน์ อายุ 31 ปี น้องสาวเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นคนที่ไปเจอหญิงที่ปรากฏในคลิปหลังจากชิ่งไม่จ่ายเงินค่าต่อผม เล่าว่า หลังเกิดเหตุนั้น พี่สาวของตนเองก็ปิดร้านและกลับบ้านทันที ซึ่งในช่วงหัวค่ำตนเองเข้าไปร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของตามปกติ แต่ปรากฏว่าหญิงคนที่ปรากฏในคลิปก็บังเอิญเดินเข้ามาในร้านพอดี และตนเองจำได้แม่น เพราะขณะเกิดเหตุตนเองก็อยู่ภายในร้านต่อผมด้วยเช่นเดียวกัน
ทันทีที่ตนเองเจอนั้น ก็ได้เดินเข้าไปทวงถามถึงเงินค่าต่อผมที่หญิงคนดังกล่าวไม่จ่ายทันที พร้อมยอมรับว่าตนเองพูดเสียงดังเพื่ออยากให้คนอื่นรู้ว่าหญิงคนดังกล่าวมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จากนั้นก็โทรศัพท์ไปบอกพี่สาว และเดินตามหญิงคนดังกล่าวไป ซึ่งหญิงคนดังกล่าวอ้างว่าจะไปธนาคาร แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงธนาคารธนาคารก็ปิดให้บริการแล้ว กระทั่งพี่สาวของตนเองตามมา มีการถกเถียงกัน ก่อนจะไปถึงขั้นจ่ายเงินค่าบริการบางส่วน และถอดผมที่ต่อบางส่วนออก
ซึ่งหากหญิงคนดังกล่าวได้ดูอยู่นั้น ตนเองก็อยากบอกว่าอย่าไปทำพฤติกรรมแบบนี้ที่ไหน ส่วนตัวไม่อยากจะเจอหน้าหญิงคนดังกล่าวอีก
ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังซอยเพชรเกษม 88 ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวกุ้ง (นามสมมติ) หญิงที่ปรากฏในคลิป พบว่าในวันนี้ตัวของนางสาวกุ้งพักอาศัยอยู่ในบ้าน ทีมข่าวพยายามเรียกเพื่อให้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ปรากฏว่านางสาวกุ้งไม่ออกจากบ้าน บอกเพียงว่าไม่สบาย และไม่สะดวก
ทีมข่าวสอบถาม นางสาวเอ (นามสมมติ) ชาวบ้านภายในซอย เล่าว่า ตนเองรู้จักนางสาวกุ้งเป็นอย่างดี เพราะโตมาด้วยกันในซอย แต่ส่วนตัวไม่ได้สนิท แต่คนในซอยจะทราบพฤติกรรมกันดี และไม่ค่อยมีใครจะคบค้าสมาคมด้วย บางครั้งตะโกนด่าทอคนอื่นด้วยคำหยาบคาย ชอบแต่งเรื่องโกหก เท่าที่ทราบก่อนหน้านี้นางสาวกุ้งเคยมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ปัจจุบันตนเองไม่ทราบว่ายังใช้สารเสพติดอยู่หรือไม่
ทันทีที่เห็นคลิปในโซเชียลนั้น ก็รู้ทันทีว่าเป็นนางสาวกุ้ง และไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจทางร้านต่อผมเป็นอย่างมาก