แม่เฒ่าวัย 95 ต้องไร้ที่อยู่ หลังลูกให้เพื่อนยืมชื่อดาวน์รถ

แม่เฒ่าวัย 95 ต้องไร้ที่อยู่ หลังลูกให้เพื่อนยืมชื่อดาวน์รถ

77203 ต.ค. 67 10:58   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

อุทาหรณ์ของคนรักเพื่อน! ชายบุรีรัมย์ถูกฟ้องยึดบ้านขายทอดตลาด หลังใจดีให้เพื่อนร่วมงานยืมชื่อออกรถฟอร์จูนเนอร์มือ 2 ราคาหลักล้าน สุดเศร้าแม่เฒ่าวัย 95 ต้องมาไร้ที่อยู่อาศัย

(3 ต.ค. 67) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น ได้พานายยอด อายุ 56 ปี อาชีพรับจ้างก่อนสร้าง ชาวตำบลบ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.พุทไธสง หลังถูกเพื่อนร่วมงานหลอกล่อให้ใช้ชื่อซื้อดาวน์รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มือสอง ที่เต็นท์แห่งหนึ่งใน จ.สมุทปราการ ราคารวมดอกเบี้ยกว่า 1 ล้านบาท เมื่อปี 2559


หลังจากนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานคนละจังหวัด ต่อมาปี 2563 นายยอดโดนบริษัทไฟแนนซ์ฟ้อง เนื่องจากเพื่อนที่หลอกให้ใช้ชื่อดาวน์รถไม่ผ่อนชำระค่างวดตามสัญญา โดยมีหมายศาลส่งมาที่บ้าน แต่ตอนนั้นนายยอดตระเวนทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัด ที่บ้านมีเพียงแม่ที่อ่านหนังสือไม่ออก จึงไม่รู้ว่าถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้อง   


กระทั่งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา น้องสาวของนายยอดโทรศัพท์ไปบอกว่ามีหมายบังคับคดีส่งมาที่บ้านว่าจะยึดที่ดินพร้อมบ้านที่แม่ชราวัย 95 ปีอาศัยอยู่ เพราะบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าวแม่ได้ยกให้เป็นชื่อของนายยอดแล้ว นายยอดได้ฟังก็ตกใจ และรีบเดินทางกลับบ้านเพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น


นายยอดเล่าว่าในหมายบังคับคดีระบุว่าจะประกาศขายทอดตลาดบ้านและที่ดิน นัดแรกในวันที่ 6 พ.ย.2567 ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากที่ดินและบ้านหลังดังกล่าวถูกยึดทั้งแม่ ตนเอง ภรรยา และลูกก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จึงได้ไปร้องขอความช่วยเหลือกับทนายอั๋น และนำหลักฐานเข้าแจ้งความ เพื่อให้เอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องที่หลอกให้ตนเองใช้ชื่อซื้อรถคันดังกล่าว


นายยอดเล่าว่าตอนที่ตนทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ได้รู้จักกับนายน้อย และทำงานร่วมกันมานานปีเศษ นายน้อยได้แนะนำให้รู้จักกับนายจิ๋วและนายอำนาจ หลังจากพบปะสังสรรค์กันได้ 4-5 ครั้ง นายน้อยก็มาพูดคุยปรึกษาว่านายจิ๋วต้องการซื้อรถคันหนึ่ง แต่ไม่สามารถออกรถเป็นชื่อของตนเองได้ จะขอให้ตนใช้ชื่อเป็นคนซื้อรถคันดังกล่าว และให้ภรรยาของนายอำนาจเป็นคนค้ำประกัน โดยที่นายจิ๋วรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะจ่ายค่างวดจนครบแน่นอน


ด้วยความไว้ใจตนจึงยินยอมให้ใช้ชื่อออกรถ โดยที่ตนไม่ได้ค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว หลังออกรถเสร็จพวกตนก็แยกย้ายกันไปทำงานไม่ได้เจอกันอีก นานๆ ครั้งจะติดต่อกันทางโทรศัพท์บ้าง ต่อมาปี 2562 นายจิ๋วส่งเอกสารบันทึกข้อตกลงมาให้ตนเองดู ว่าได้จ่ายเงินให้ภรรยานายอำนาจ 300,000 บาท เพื่อให้รับผิดชอบค่างวดที่เหลือ ตนก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมารู้อีกทีตอนมีหมายบังคับคดีจะยึดบ้านและที่ดินแล้ว


ขณะที่ทนายอั๋นบอกว่าเคยมีคนมาร้องเรียนขอความช่วยเหลือในลักษณะเดียวกันนี้หลายคน ส่วนมากก็จะเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจไปค้ำประกันหรือใช้ชื่อดาวน์รถให้ แต่สุดท้ายก็โดนฟ้อง เบื้องต้นตนแนะนำให้ไปเดินเรื่องกับทางบังคับคดีตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้บ้านถูกยึด และไปแจ้งความเพื่อสอบสวนเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และอยากจะฝากถึงประชาชนทั่วไปว่าอย่าไปเชื่อใจค้ำประกันหรือใช้ชื่อซื้อรถให้ใคร เพราะสุดท้ายจะเดือดร้อนเอง



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง