จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อไปทำงานที่กัมพูชา ย่ำยีเมียเหยื่อซ้ำ
จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อไปทำงานที่กัมพูชา ย่ำยีเมียเหยื่อซ้ำ
จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อไปทำงานที่กัมพูชา ย่ำยีเมียเหยื่อซ้ำ ตร.ยันทำเป็นขบวนการ เร่งขยายผลผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มอบหมายให้ พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธุ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน ร่วมแถลงผลการจับกุม (ไม่มีการเปิดเผยชื่อ-สกุล หรือข้อมูล ผตห.) ผู้ต้องหา ก่อเหตุข่มขืนหญิงสาววัย 24 ปี พนักงานบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่ริมถนนสาธารณะ หมู่ 1 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เหตุเกิดที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.กำแพงแสน
โดยผู้ต้องหา ได้หลอกเหยื่อให้มาหาที่อะพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เพื่อให้ช่วยติดต่อสามี เนื่องจากก่อนหน้านี้ สามีของผุ้เสียหายได้เข้าไปหางานทำในเฟซบุ๊ก และเจอกับผู้ต้องหา หลอกจะพาไปทำงานเป็นแอดมินเพจหนึ่ง อ้างว่ารายได้ดี สัปดาห์ละ 3 หมื่นบาท ก่อนไปทำงานมีเงินให้เบิกก่อน 6,000 บาท สามีจึงหลงเชื่อ ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับผู้ต้องหาไปส่งที่ จ.สระแก้ว
หลังจากนั้น เหยื่อก็ติดต่อสามีไม่ได้ จึงได้โทรหาผู้ต้องหา และนัดให้มาพบที่อะพาร์ตเมนต์ ก่อนจะให้กำลังข่มขืน หลังเกิดเหตุ เหยื่อได้ขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด พาเข้ามาพบกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จนนำไปสู่การจับกุม
นายเอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน เล่าว่า ผู้ต้องหาหลอกโดยอ้างจะพาไปทำงานเป็นแอดมิน แต่พอขึ้นรถผู้คนที่มารับก็ยึดโทรศัพท์ ไม่ให้ติดต่อกับใคร เมื่อไปถึง จ.สระแก้ว ก็จะมีรถ จยย.มารับข้ามไปฝั่งปอยเปต ทำหน้าที่สแกนหน้าโอนเงินในบัญชีไปให้กับบุคคนอื่น อยู่ที่ปอยเปรต 3 วัน สแกนหน้าไปแล้วกว่า 60 ครั้ง เมื่อบัญชีธนาคารของตนถูกธนาคารอายัด ผู้ต้องหาก็มาส่งที่ชายแดนให้กลับบ้านเอง
ก่อนเดินทางไปทำงาน ตนมีบัญชีธนาคาร 4 บัญชี เพราะมีอาชีพรับจ้างส่งของ ต้องใช้การโอนเงินผ่านบัญชาตลอด ซึ่งตรงกับความต้องการของคนร้าย จึงไม่ต้องเปิดบัญชีธนาคารก่อนเดินทาง
พล.ต.ต.อุทัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.สมศรี (นามสมมุติ) ภรรยาของเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ได้ติดต่อกับคนที่มารับสามีไปทำงาน บอกว่าติดต่อสามีไม่ได้เลย คนร้ายจึงนัดให้มาพบ เพื่อจะช่วยติดต่อสามีให้ แต่เมื่อมาถึง คนร้ายก็พาขึ้นห้องและใช้กำลังข่มขืน พร้อมสั่งห้ามไม่ให้บอกใคร ห้ามแจ้งตำรวจ เพราะสุดท้ายจะไม่มีใครพาสามีกลับมาให้ แต่เหยื่อไม่ไว้ใจ จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสืบสวน จนไปนำสู่การจับกุมคนร้ายได้
จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ เป็นผู้ก่อเหตุจริง ก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมมาแล้ว 5 คดี คดีลักทรัพย์ผู้อื่น , คดียักยอกทรัพย์ , คดีวิ่งราวทรัพย์ , คดียักยอกทรัพย์ และคดีชิงทรัพย์ ทุกคดีเกิดในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน การสอบสวนทราบว่า เหตุการณ์นี้ทำเป็นขบวนการ เข้าข่ายการค้ามนุษย์ หลอกลวง พาไปเพื่อกระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยแสวงผลประโยชน์โดยมิชอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงรถแท็กซี่ที่มารับ ผู้ที่มารับจาก จ.สระแก้วข้ามฝั่งไปกัมพูชา ยืนยันว่า ตำรวจพยายามจะรวบให้ได้ทั้งขบวนการ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน