ลูกศิษย์-ทนายแถลงโต้เหยื่อลัทธิถวายตัว อ้างคู่กรณีเพิ่งถูกฟ้อง 13 ล้าน

ลูกศิษย์-ทนายแถลงโต้เหยื่อลัทธิถวายตัว อ้างคู่กรณีเพิ่งถูกฟ้อง 13 ล้าน

39115 มิ.ย. 67 18:27   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ลูกศิษย์ของอดีตพระโอ พร้อมด้วยทนายความ แถลงต่อสื่อตอบโต้ผัวเมียคู่กรณีที่อ้างว่าเป็นเหยื่อลัทธิถวายตัว ระบุฝั่งคู่กรณีเพิ่งถูกฟ้องยักยอก-ผิดสัญญา 13 ล้านบาท ก่อนออกมาเดินเรื่องโจมตีสำนักสงฆ์

(15 มิ.ย. 67) จากกรณีที่ สามีภรรยาคู่หนึ่งไปร้องเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกพระในที่พักสงฆ์แห่งหนึ่ง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ล่อลวงให้มีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการต่อชะตา อีกทั้งยังหลอกให้มีเซ็กซ์หมู่กับลูกศิษย์คนอื่นอีกด้วย


ล่าสุดวันนี้ นายกิตภัท พุทโธรักษาชาติ ลูกศิษย์ของอดีตพระ และ นายเนติ บุญพุทธารักษา ทนายความ 

ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมไปถึงไทม์ไลน์ของสามีภรรยาผู้ร้อง ในการที่เข้ามาอยู่ในที่พักสงฆ์ และมาดูแลด้านการจำหน่ายวัตถุมงคลของวัด มาทำธุรกิจมีผลประโยชน์ร่วมกับทางที่พักสงฆ์ นำไปสู่การถูกฟ้องร้องคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งมีการฟ้องร้องทั้งทางอาญาและทางแพ่ง 2 คดี มูลค่าเสียหายกว่า 13 ล้านบาท


โดยปี 2553 แรกเริ่มหญิงผู้ร้องเป็นแฟนกับ นาย ป.ซึ่งเป็นพนักงานในวัดที่ดูแลร้านจำหน่ายวัตถุมงคล หญิงผู้ร้องเลยเข้ามาช่วย นาย ป.จนมีความสนิทสนม ความไว้วางใจ เหมือนเป็นลูกบุญธรรมของพระ


ต่อมาปี 2554 หญิงผู้ร้องก็เลิกลากับนาย ป. แล้วเข้ามาดูแล กิจการจำหน่ายวัตถุมงคลของที่พักสงฆ์ แทนนาย ป. กลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญของสำนักสงฆ์ในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ


ในปีเดียวกันสามีของหญิงผู้ร้องก็เข้ามาในที่พักสงฆ์ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วต่อมาก็ได้พาเพื่อนชายอีกคนให้เข้ามาในที่พักสงฆ์ด้วย 


ปี 2555 หญิงผู้ร้อง สามี และเพื่อนของสามีก็สนิทสนมกันมากร่วมกันดูแลเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจจำหน่ายวัตถุมงคลของที่พักสงฆ์ รวมไปถึงการดูแลแม่ของทั้งสามคน


ซึ่งหญิงผู้ร้องได้รับความไว้วางใจจากทางอดีตพระ สามารถใช้โทรศัพท์มือถือของอดีตพระได้ เป็นตัวแทนของอดีตพระในการประสานงานติดต่อทุกอย่าง มีการโอนเงินซื้อขายวัตถุมงคลเข้าบัญชีของหญิงผู้ร้อง


จากนั้นหญิงผู้ร้อง สามี และเพื่อนสามี ก็เริ่มมีปัญหากับลูกศิษย์และคนที่อยู่ในที่พักสงฆ์ ซึ่งได้มีการเบิกเอาวัตถุมงคลออกไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินให้กับที่พักสงฆ์ อีกทั้งยังได้นำของบรรพบุรุษ และครูบาอาจารย์ ของอดีตพระไปแล้วไม่นำมาคืน


ปี 2565 หญิงผู้ร้องออกไปจากที่พักสงฆ์ แต่ยังเบิกวัตถุมงคล ไปแต่ไม่ได้นำมาคืน


ปี 2566 ทางที่พักสงฆ์ฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ วัตถุมงคล 10 กว่ารายการ


ปี 2567 อดีตพระตัดสินใจฟ้องหญิงผู้ร้องข้อหายักยอกทรัพย์ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง 2 คดี รวมเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท แบ่งเป็นคดียักยอก 4,900,000 บาทและฟ้องผิดสัญญาซื้อขายและเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 9 ล้านบาท


10 มิถุนายน 2567 ศาลคดีแพ่งนัดพร้อม และนัดไกล่เกลี่ย แต่ตกลงกันไม่ได้


วันที่ 11 มิถุนายน 2567 หญิงผู้ร้องไปร้องเพจสายไหมต้องรอด และวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ศาลนัดสืบพยานคดียักยอกทรัพย์


นายกิตภัท เปิดเผยว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ตามข่าว อดีตพระจึงลาสิกขาเพื่อมาต่อสู้คดีในชั้นศาล ส่วนการหลอกลวงสวิงกิ้งตามที่ปรากฎในข่าวนั้น เป็นข้อมูลที่จะไปปรากฏในชั้นศาล และจากนี้ไปหากมีการพูดให้เกิดความเสื่อมเสียจะพิจารณาดำเนินคดีตามข้อเท็จจริงต่อไป


นายกิตภัท ยืนยันว่า อดีตพระป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ปี 2540  ระหว่างที่อยู่ในที่พักสงฆ์แห่งนี้ อดีตพระไม่เคยมีการสอนในลักษณะอุตริธรรม และตนเองก็ไม่ทราบว่ามีพิธีถวายตัวตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง 


ทั้งนี้อยากฝากบอกคู่กรณีว่าในฐานะที่ตนเองนับถือเหมือนพี่สาสจนถึงขณะนี้ก็ยังให้ความเคารพนับถือเหมือนเดิม แต่จะทำอะไรขอให้คิดให้ดีก่อนนึกถึงวันเวลาที่เคยลำบากมาด้วยกัน กว่าที่จะมีวันนี้ได้


ด้านมนายความ ระบุว่า ส่วนในคดีที่ทางฝั่งหญิงสาวมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนนครบาลคันนายนสถานีตำรวจครบาลคันนายาว ในข้อหาข่มขืน ตนเองก็จะพาลูกความเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาเพื่อพิสูจน์ความจริงและต่อสู้คดี



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง