ดีเอสไอชี้แจงปมยึดนาฬิกาหรูของ 'บอสพอล'
ดีเอสไอชี้แจงปมยึดนาฬิกาหรูของ 'บอสพอล'
ดีเอสไอแจงปมยึดนาฬิกาหรูของ 'บอสพอล' ขณะที่วันนี้ผู้เสียหาย 'คดีดิไอคอนกรุ๊ป' น้อยลงเหลือเพียงหลักสิบ ตำรวจสอบสวนกลางรวบรวมแฟ้มคดีจากการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานเก็บไปไว้ที่ บก.ปปป เพื่อรวบรวมสำนวน
บรรยากาศเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (23ต.ค.67) ที่อาคารกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลาง ดูค่อนข้างเงียบเหงา ผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความน้อยลง เหลือเพียงหลักสิบกว่าคนเท่านั้น ในขณะที่ช่วงเวลาประมาณ 10.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางได้นำแฟ้มคดี ที่เป็นสำนวนสอบปากคำผู้เสียหายและพยานต่าง ๆ ของดิไอคอนกรุ๊ปใส่กล่องรวมกันไว้ในรถเข็น ก่อนเข็นไปไว้ที่ชั้น 16 กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) อาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ต่อมาทีมข่าวตามความคืบหน้าทางคดี กับ พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป เผยถึงกรณีการเตรียมออกหมายจับผู้กระทำความผิดล็อต 2 ว่า ณ วันนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐาน และยังตอบไม่ได้ว่าจะออกหมายจับเร็วๆนี้หรือไม่ เพราะพยานหลักฐานยังต้องวิเคราะห์ให้แน่นหนา ส่วนแนวโน้มจะเป็นกลุ่มไหนที่จะถูกออกหมายจับนั้น ต้องดูพยานหลักฐานว่าไปถึงใคร แต่ในขณะนี้ยังสาวไม่ไปถึงกลุ่มดาราที่จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม
ส่วนกลุ่มแม่ข่ายจะโดนด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.อัครเดช บอกว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์คำให้การของแม่ข่ายเช่นกัน ซึ่งยังไม่ขอสรุปว่าจะโดนด้วยหรือไม่อย่างไร เพราะต้องวิเคราะห์คำให้การ ‘ว่าเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง หรือพยายามเปลี่ยนค่าตัวเอง’ ทั้งนี้กลุ่มนี้ ที่จะการออกหมายจับในล็อตต่อไป ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาใกล้เคียงกันกับกลุ่มแรก
และภรรยาของนายกันต์ กันตถาวร จะเข้าข่ายชักชวนด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ท.อัครเดช บอกว่า หากพยานหลักฐานไปถึงใครก็ดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น
ส่วนข้อหาฟอกเงินที่เตรียมจะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ 18 ผู้ต้องหา ในกลุ่มแรกนั้น ขณะนี้ยังต้องดูพยานหลักฐานที่รวบรวมอยู่ ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ส่วนจะมีหลักฐานชัดแค่ไหนนั้น ก็ถือว่าเป็นความผิดมูลฐานที่ต่อเนื่องกันอยู่แล้วในฐานฉ้อโกงประชาชนอยู่แล้ว
พล.ต.ท.อัครเดช บอกถึงกรณีการตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา ด้วยว่า ก็ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่อง และได้มีการประสาน ปปง. รวมถึงชุดสืบสวนไปตรวจว่ามีทรัพย์สินส่วนไหนที่จะต้องเข้าตรวจยึดก่อนที่จะมีการยักย้ายถ่ายเท โดยมูลค่าตอนนี้ที่ตรวจยึดมารวมหลายร้อยล้านบาทแล้ว
สำหรับกรณีเรื่องนาฬิกาเก๊ของบอสพอล ที่ดีเอสไอไปยึดเมื่อวานนี้ในห้องเช่าแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา 9 ซึ่งในวันนี้มีการพูดถึงว่า นักเล่นนาฬิกาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 'เก๊ยกกล่อง' รวมถึงขอให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบนั้น
ล่าสุด พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า “เมื่อพลเมืองดีแจ้งเบาะแส เจ้าหน้าที่จึงต้องไปยึดมาตรวจสอบ แม้เป็นของแท้หรือของปลอมก็ต้องยึดมาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอน เพราะเป็นทรัพย์สินที่กลุ่มผู้กระทำความผิดเป็นผู้เอามาเก็บไว้”