2 สส. งงเจอตั้งข้อหาแรง - เล่าเหตุถูกซื้อเป็นงูเห่า

2 สส. งงเจอตั้งข้อหาแรง - เล่าเหตุถูกซื้อเป็นงูเห่า

287315 ก.พ. 68 21:43   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“คำพอง-มานพ” 2 สส.พรรคประชาชนงง ป.ป.ช.ตั้งข้อหาแรง บอกทำหน้าที่ สส.เต็มที่เจอเล่นเรื่องผิดจริยธรรมรายแรง - เล่าเหตุการณ์ถูกทาบทามเป็นงูเห่าแลกเงินเกือบ 100 ล้าน

(15 ก.พ. 68) หลังจากเมื่อวานนี้ นายรังสิมันต์ โรม โพสต์ภาพจดหมายจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริจแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกตัวเข้ารับทราบข้อกล่าวหากระทำการอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมกับอดีต สส.พรรคก้าวไกล รวม 44 คน


วันนี้ นายคำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้โพสต์ภาพหนังสือเรียกตัวของตนด้วยเช่นกัน พร้อมโพสต์ข้อความว่า “เป็นผู้แทนราษฎร ถูกซื้อให้เป็นงูเห่าเกือบร้อยล้านไม่เอา เข้าประชุมสภาทุกครั้ง เว้นป่วยหนัก ไม่เคยรุกเขารุกป่ารุกลำน้ำ ไม่มี หจก.บริษัทรับเหมา ไม่มีสนามกอล์ฟทั้งของตัวเองและครอบครัว


บัญชีเงินฝากมีเงินติดอยู่หลักสิบบาท ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ใส่เสื้อผ้ามือสองรองเท้าคู่ละ350 บาทเดินไปสภา ไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศใคร มีภรรยาคนเดียวลูกสาม คน ทำงานร่วมกับเพื่อน สส.พิจารณาออกกฎหมายตามหน้าที่ เป็นกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขปัญหาของประเทศชาตินับไม่ถ้วน เดินทางเข้าหาประชาชน ทั่วประเทศ แล้ว..มา กล่าวหาว่าข้าฯล่วงละเมิดจริยธรรมร้ายแรงได้ไง..เอาสมองส่วนไหนวินิจฉัย”


จากนั้น นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนกลุ่มชาติพันธุ์ พรรคประชาชน ก็ได้แชร์คำพูดดังกล่าวของนายคำพอง พร้อมเล่าเรื่องที่ตนและนายคำพองถูกทาบทามซื้อตัว แลกเงินหลัก 100 ล้าน ในวันที่พรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ


“ตอนพรรคอนาคตใหม่ วันที่มีการตัดสินยุบพรรค คนที่มาขอซื้อผมและ สส.คำพอง เป็นคนเดียวกัน มารับผมที่สภา บอกว่าจะให้ไปออกรายการ ด้านวนเกษตร คนกับป่า ขับรถพาผมไปวนหลายรอบมาก บอกผมว่าถ้าย้ายพรรคไปเป็นงูเห่าจะได้เกือบร้อยล้าน


ผมก็ด่าเขาแล้วผมก้าวลงรถ เดินทางไปที่พรรคทันที ผมมีรายได้จากเงินเดือนภาษีประชาชนทางเดียว เอาเงินนี้แหละลงไปทำงานในพื้นที่ พบปะ รับเรื่องราวความทุกข์ยากพี่น้อง  นำกลับไปแก้ไขในสภาผู้แทนราษฎร ผ่านกลไก กรรมาธิการ กลไกสภาใหญ่ หรือหารือกับราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรง ผมเดินทางทั่วประเทศได้ เพราะเงินภาษีประชาชน 


ข้อกล่าวหาที่ ปปช.ยื่นให้มา  ยัง งง”


นอกจากนี้นายนพดลยังได้กล่าวถึงกรณีที่ตนเองก็ได้รับหนังสือเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช.เช่นกัน โดยระบุว่า


“ในวันที่ผู้แทนราษฎรเผชิญข้อหาจากการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ?


เป็นเรื่องที่น่าหดหู่ ตลกร้ายต่อตัวเอง ต่อระบบนิติบัญญัติ ต่ออนาคตของประเทศเป็นอย่างมาก จากการที่พวกเราในฐานะผู้แทนราษฎร ได้พยายามหาแนวทางเพื่อแก้ไขความขัดแย้งของสังคม หาทางปรับปรุงแก้ไขกฎหมายใดๆ โดยใช้กลไกทางนิติบัญญัติตามครรลองของรัฐธรรมนูญของประเทศ แต่กลับกำลังเผชิญกับถ้อยคำข้อกล่าวหาว่า 


“กระทำการอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” ? 


การที่ผู้แทนราษฎรที่ได้รับอำนาจจากราษฎร พี่น้องประชาชน ที่ใช้กลไกของรัฐสภาเพื่อเป็นช่องทางในการเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ร่วมกันของคนทั้งสังคม จะเป็นความผิดจริยธรรมได้อย่างไร ?


แม้แต่ การทำนโยบายหาเสียงของพวกเราที่ผ่านการรับฟังปัญหาจากประชาชนหลายกลุ่ม ก่อนจะได้ประกาศอย่างเป็นทางการนั้น ได้ผ่านกระบวนการของคณะกรรมการเลือกตั้งหรือ “กกต.” อย่างถูกต้อง 

แล้วจะผิดจริยธรรมได้อย่างไร ?


ความจริงตามกระบวนการพิจารณาเพื่อปรับแก้กฎหมายนี้ในสภานั้น ยังไม่ได้มีการบรรจุในวาระการประชุม หรือเรียกง่ายๆ ว่าท่านประธานยังไม่บรรจุวาระนี้ แต่ถึงแม้ว่าวาระนี้เข้าสู่สภาแล้ว ก็ต้องมีการอภิปรายจากทุกฟากฝั่ง หากสมาชิกรัฐสภาไม่เห็นชอบ วาระนี้ก็ตกไปในที่สุด  เป็นตามขั้นตอนกระบวนการนิติบัญญัติปกติ


เรื่องการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรของพวกเรา นอกจากจะต้องตอบสนองต่อเสียงของผู้คนในประเทศ โดยเฉพาะกับคนจำนวนมากที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกผลกระทบจากตัวบทกฎหมาย การบังคับใช้ นโยบายรัฐด้านต่างๆ แล้ว เราจะยังคงยืนยันในการทำหน้าที่เพื่อปกป้องหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักการกฎหมายสูงสุดตามรัฐธรรมนูญ และดำรงอำนาจนิติบัญญัติที่ได้จากพี่น้องประชาชนอย่างถึงที่สุด


ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการเป็นผู้แทนของประชาชน  ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร”



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง