พ่อค้าแม่ค้ากลัวเงินดิจิทัลใช้ซื้อวัตถุดิบนำมาขายต่อไม่ได้

พ่อค้าแม่ค้ากลัวเงินดิจิทัลใช้ซื้อวัตถุดิบนำมาขายต่อไม่ได้

59804 ส.ค. 67 21:49   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสุวินทวงศ์ เผยขายของไม่ดีเพราะตลาดซบเซา ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต อยากให้จ่ายเป็นเงินสดมากกว่า เพราะกลัวรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตจากลูกค้ามาแล้ว แต่นำเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ได้มาไปซื้อของนำมาขายต่อไม่ได้ อีกทั้งก็กลัวจะโดนแฮกเกอร์ดูดเงินออกจากบัญชี หลังได้เงินจากลูกค้ามาแต่แปลงเป็นเงินสดไม่ได้

(4 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวลงสำรวจบรรยากาศจับจ่ายซื้อของภายในตลาดสุวินทวงศ์ ม.1 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา พบว่าบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ร้านค้าจำนวนมากต่างปิดตัวลง บางร้านติดป้ายเซ้งกิจการ ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องนั่งรอลูกค้ามาจับจ่ายซื้อของอย่างเงียบเหงา เมื่อเทียบกับหลายหลายปีที่ผ่านมา 


นางน้ำผึ้ง อายุ 53 ปี แม่ค้าผลไม้ เผยว่า ช่วงนี้ตลาดซบเซามาก ไม่ค่อยมีคนมาเดินซื้อของ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ เมื่อก่อนร้านของตนเองขายของได้ประมาณวันละกว่า 10,000 บาท มีกำไรเหลือวันละพันสองพัน แต่ทุกวันนี้กว่าจะขายของได้ในแต่ละวันถือว่ายากลำบากมาก บางวันขาดทุน บางวันเสมอตัว ได้กำไรแค่ 500 บาทเติมน้ำมันมาก็หมดแล้ว ยังไม่รวมค่าเช่าแผงอีกเดือนละ 15,000 ผลไม้ที่นำมาลงขาย ถ้าขายไม่ได้ก็เน่าขาดทุนกันไป  ตอนนี้ต้องขายทองไปแล้วหนึ่งเส้น จำนวน 2 บาท เพื่อนำเงินมาหมุนในการลงทุน 


ส่วนประเด็นเงินดิจิทัลที่รัฐบาลให้ประชาชนนั้น โดยส่วนตัวได้ลงแล้ว โดยให้ลูกสาวช่วยลงให้ แต่ได้สอบถามเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ค้าก็ทราบว่า มีการลงทะเบียนค่อนข้างยาก ส่วนในเรื่องของร้านค้าที่จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนนั้น ตนเองมองว่าอาจจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพ่อค้าแม่ค้า เพราะไม่รู้ว่าร้านที่ตนเองจะต้องไปซื้อวัตถุดิบนั้นจะร่วมลงทะเบียนกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่  

เพราะหากว่าลูกค้ามาซื้อของที่ร้านตนเป็นดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว แต่ตนเองไม่สามารถนำดิจิทัลวอลเล็ตไปซื้อผลไม้จากตลาดไทยไม่ได้ เพราะร้านประจำที่ตลาดไทยเกิดไม่เข้ารวมโครงการเท่ากับว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตของตนที่ได้มาจากลูกค้าก็ไม่มีค่า เพราะไม่สามารถซื้อผลไม้มาขายได้  


อีกทั้งตนเองก็ยังกลัวโดนแฮกเกอร์ดูดยอดเงินดิจิทัลวอลเล็ตในบัญชีไป หากมีลูกค้ามาซื้อของแล้ว แต่ตนเองไม่สามารถแปลงออกมาเป็นเงินสดได้ ก็จะไม่มีเงินหมุนเวียน ตนเองอยากให้รัฐบาลคิดทบทวนเหมือนโครงการคนละครึ่งที่นำเงินสดออกมาใช้หมุนเวียนประชาชนได้ใช้ พ่อค้าแม่ค้ามีเงินสดซื้อของมาลงทุนหมุนเวียนจะเกิดประโยชน์และกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่านี้


นายเหล่ง อายุ 72 ปี พ่อค้าขายน้ำกะทิและน้ำพริก เปิดเผยว่า ลูกค้าที่ตลาดซบเซา เป็นแบบนี้มาเป็นปีแล้ว ตนเองมาเปิดร้านตั้งแต่ตีสี่กว่าจะขายของได้ก็ 7 โมงเช้า ซึ่งเมื่อก่อนนี้ตั้งร้านตั้งแต่ตีสี่ ก็จะมีคนมาซื้อของตั้งแต่ช่วงเช้ามืด เมื่อก่อนขายน้ำกะทิได้วันละ 60 กิโลกรัม ทุกวันนี้ 10 กิโลกรัม บางวันยังขายแทบไม่หมด 


ส่วนเงินดิจิทัลวอลเล็ตถ้าให้ก็ดี แต่สำหรับร้านค้าตนเองก็มองว่ายุ่งยาก ได้เงินมาแล้วไม่รู้จะเอาเงินไปซื้อของ หรือเอาไปลงทุนได้อย่างไร อยากให้ได้เป็นเงินสดมากกว่า เพื่อนำมาใช้หมุนเวียนมากกว่าโอนเงินในลักษณะนี้ ทุกวันนี้ภาระต้องผ่อนบ้าน หากได้เงินดิจิทัลมา แต่นำไปจ่ายค่าบ้านไม่ได้ ทุนที่ซื้อมาเป็นเงินสดก็จม เชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าคงไม่เข้าร่วมโครงการนี้อีกเป็นจำนวนมาก


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง