เตือน!!! เสียงตุ๊บๆในหู อันตรายถึงตาย
เตือน!!! เสียงตุ๊บๆในหู อันตรายถึงตาย

เตือน!!! เสียงตุ๊บๆในหู อันตรายถึงตาย หมอสุรัตน์ เผย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าเจออาการนี้ อย่าคิดว่าแค่ “ได้ยินหัวใจตัวเอง” แล้วปล่อยผ่าน รีบตรวจให้ชัวร์ดีกว่า!
(10 มี.ค.68) ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท โพสต์ข้อความลงในเพจเฟซบุ๊ก สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ ข้อความระบุว่า คนไข้: หมอ ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ตุ๊บๆ เลย คงจะมีความรัก
หมอ: เวรละ นั่นมันสัญญาณโรคหลอดเลือดสมอง ที่เส้นเลือดเชื่อมกัน Arterio Venous Fistular (AVM) รีบไปฉีดสี เส้นเลือดสมอง
1 สัปดาห์ กลับมา ภาพฉายรังสีเส้นเลือด มีการเชื่อม เส้นเลือดแดงและดำ เลยรีบส่ง ให้หมอตั้ม ไปอุดเส้นเลือด
เอ้อ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง จะเสี่ยงตายน่อ มาคุยเรื่อง ได้ยินเสียงหัวใจ ในหูดีกว่า
ฟู่ ๆ ตุ๊บๆ อันตราย คนปกติ เราไม่ได้ ยิน แต่หากได้ยิน เราเรียก pulsatile tinnitus อันตราย รีบไปตรวจ Pulsatile Tinnitus คืออาการที่ได้ยินเสียงในหูเป็นจังหวะ ๆ มักจะสอดคล้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจ (เหมือนได้ยินเสียงหัวใจเต้น ตุ้บ ๆ หรือฟู่ ๆ ในหู) ซึ่งแตกต่างจากหูอื้อทั่วไป (Tinnitus) ที่มักเป็นเสียงวี๊ง ๆ หรือจี๊ด ๆ คงที่ ไม่มีจังหวะ Pulsatile Tinnitus เกิดจากความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใกล้หู คอ หรือสมอง
สาเหตุของ Pulsatile Tinnitus มันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ไม่ร้ายแรงไปจนถึงอันตราย ซึ่งหลัก ๆ แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้:
1. ปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด (Vascular Causes)
Arteriovenous Malformation (AVM): การเชื่อมต่อผิดปกติระหว่างเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไหลแรงผิดปกติและเกิดเสียง
Carotid Artery Stenosis: เส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ ทำให้เกิดการไหลของเลือดที่ปั่นป่วน (turbulent flow) สร้างเสียงได้
Aneurysm: เส้นเลือดโป่งพอง อาจอยู่ในสมองหรือใกล้หู
Venous Hum: เส้นเลือดดำใกล้หู (เช่น jugular vein) ไหลแรงเกินไป มักพบในคนที่เป็นโรคโลหิตจางหรือมีความดันในกะโหลกสูง
Dural Arteriovenous Fistula (DAVF): การเชื่อมต่อผิดปกติระหว่างเส้นเลือดในเยื่อหุ้มสมอง
2. ความดันในกะโหลกสูง (Increased Intracranial Pressure)
เช่นในภาวะ Idiopathic Intracranial Hypertension (IIH) ซึ่งมักพบในคนอ้วนหรือผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อาจทำให้ได้ยินเสียงฟู่ ๆ ในหู
3. ปัญหาที่หูหรือโครงสร้างรอบ ๆ หู
Glomus Tumor: เนื้องอกของเส้นเลือดที่หูชั้นกลางหรือรอบ ๆ หู ซึ่งมีเลือดไหลผ่านเยอะ
Middle Ear Effusion: มีของเหลวในหูชั้นกลาง ทำให้ได้ยินเสียงการไหลของเลือดชัดขึ้น
4. สาเหตุอื่น ๆ
โลหิตจาง (Anemia): ทำให้เลือดไหลเร็วขึ้นเพื่อชดเชยออกซิเจนที่ขาด
ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน (Hyperthyroidism): เพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย
ความเครียดหรือความดันโลหิตสูง: อาจทำให้รับรู้เสียงการไหลเวียนเลือดมากขึ้น
อาการ
ได้ยินเสียงในหูเป็นจังหวะ ๆ (มักดังขึ้นตอนอยู่ในที่เงียบ ๆ หรือตอนนอน)
เสียงอาจดังข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
บางคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหัว มองเห็นภาพซ้อน หูอื้อ หรือเวียนศีรษะ
อันตรายหรือไม่?
ถ้าเป็นแค่กรณีที่ไม่ร้ายแรง เช่น venous hum จากความเครียดหรือโลหิตจางเล็กน้อย อาจไม่ถึงกับอันตราย แต่ก็ควรแก้ไขสาเหตุ
แต่ถ้าเกิดจากปัญหาเส้นเลือดในสมอง เช่น AVM หรือ aneurysm อันนี้อาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมอง หรือเส้นเลือดสมองตีบได้ ถือว่าอันตราย ต้องรีบตรวจและรักษา ทำ MRA ดูเส้นเลือดสมอง
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบ เช่น
ถ้าเป็น โลหิตจาง หรือ ไทรอยด์ทำงานมากเกิน: รักษาภาวะนั้น เช่น ให้ธาตุเหล็ก หรือยาควบคุมไทรอยด์
ถ้าเป็น AVM หรือ Aneurysm: อาจต้องทำหัตถการ เช่น อุดเส้นเลือด (Embolization) หรือผ่าตัด
ถ้าเป็น Venous Hum จากความดันในกะโหลกสูง: อาจต้องลดความดันในกะโหลกด้วยยาหรือการเจาะระบายน้ำถ้าไม่รุนแรง: บางครั้งแค่ลดความเครียด ออกกำลังกาย หรือปรับพฤติกรรมก็ช่วยได้
ข้อแนะนำ
ถ้าได้ยินเสียงจังหวะในหู โดยเฉพาะถ้ามีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหัวรุนแรง แขนขาอ่อนแรง หรือมองเห็นภาพซ้อน อย่ารอช้า รีบไปพบหมอเลย
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่เงียบเกินไป เพราะอาจทำให้รู้สึกถึงเสียงชัดขึ้น
ถ้าสงสัยอะไรเพิ่ม ถามหมอได้เลย ไม่ต้องกลัว!
Pulsatile Tinnitus ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ถ้าเจออาการนี้ อย่าคิดว่าแค่ “ได้ยินหัวใจตัวเอง” แล้วปล่อยผ่าน รีบตรวจให้ชัวร์ดีกว่า!
- อจ. สุรัตน์
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชีวิตดีๆ! ฟุตพาทเพิ่งก่อสร้างเสร็จหนึ่งเดือน ยุบตัวดูดประชาชนคนเดินผ่าน โซเชียลถามพื้นฟุตพาท หรือ แครกเกอร์
