โรงเรียนแจงแล้ว! ครูใช้ไม้ขนไก่ตีนักเรียน-ลุกนั่งพันครั้ง

โรงเรียนแจงแล้ว! ครูใช้ไม้ขนไก่ตีนักเรียน-ลุกนั่งพันครั้ง

83809 ส.ค. 67 20:19   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

โรงเรียนแจงแล้ว! ครูใช้ไม้ขนไก่ตีนักเรียน-ลุกนั่งพันครั้ง ผู้ปกครองบอกเลิกแล้วต่อกัน ส่วนจะย้ายโรงเรียนหรือไม่นั้นต้องถามลูกอีกครั้ง เพื่อความสบายใจ

จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนชั้น ป.4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ว่า ลูกหลานของตนถูกคุณครูลงโทษด้วยการใช้ไม้ปัดขนไก่ตีที่ฝ่ามือจนฟกช้ำ 


และมีแผลที่เกิดจากการทิ่มแทงของตอขนไก่ ส่วนอีกรายถูกคุณครูลงโทษด้วยการสั่งให้สก็อตจั๊มพ์จำนวน 1,000 ครั้ง เนื่องจากลูกหลานของตนคัดลอกการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ลงในสมุดไม่ทัน


(9 ส.ค.67) ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว เพื่อพบท่านผู้อำนวยการโรงเรียน และขอข้อมูลคำชี้แจงข้อเท็จจริงจากทางโรงเรียน ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่เนื่องด้วยผู้อำนวยการงานติดราชการ ไม่อยู่ที่โรงเรียน จึงได้ให้ฝ่ายธุรการ เป็นตัวแทนในการให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าว ทราบว่า สืบเนื่องจากข่าวผู้ปกครองร้องลูกหลานโดนครูลงโทษเกินเหตุ - สั่งลุกนั่งเป็น 1,000 ครั้ง และถูกตีด้วยไม้ขนไก่จนช้ำและมีแผล ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ที่เป็นข่าว เมื่อท่านผู้อำนวยการโรงเรียนได้ทราบเรื่อง ได้มีการดำเนินการตามระเบียบ ทำการเยียวยา ขอโทษ ขอขมา ต่อผู้ปกครองของนักเรียนและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา 


สาเหตุหลักคือ การสื่อสารที่ผิดพลาดระหว่างโรงเรียน เด็กนักเรียน และผู้ปกครอง เพราะทางผู้ปกครองมีการชื่นชมทางคุณครูผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคุณครูที่มีการสอน การใส่ใจที่ดีมากๆ คนหนึ่ง เพียงแต่เป็นการทำโทษที่ผิดพลาดครั้งแรกเท่านั้น  


ทางผู้ปกครองจึงไม่มีการติดใจกับทางคุณครูผู้ถูกกล่าวหาทางโรงเรียนแต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยมีการมาเจรจา และสร้างข้อตกลงกันใหม่ตามความเหมาะสมและความประสงค์ของผู้ปกครอง โดยผู้ปกครองต้องการให้นักเรียนมีการบ้านเพียงสองวิชา และไม่เกิน 10 ข้อต่อวิชาเท่านั้น เนื่องจากผู้ปกครองไม่มีเวลาในการสอนและควบคุมดูแลนักเรียนในการทำการบ้าน


ทางด้านคุณแม่ของน้องปาร์ม เล่าว่า ทางผู้อำนวยการโรงเรียน และคุณครูได้เข้ามาพูดคุยเจรจากับตนแล้ว และครูที่ลงโทษเด็กก็ยอมรับผิด ตอนนี้ครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว และอยากให้เรื่องทุกอย่างนั้นจบลงด้วยดี เลิกแล้วต่อกัน ขอไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก 


ซึ่งประเด็นที่ตนต้องการที่จะย้ายโรงเรียนให้ลูกนั้น เนื่องจากลูกไม่มีกะจิตกะใจที่จะเรียนต่อที่นี่แล้ว แต่ทางโรงเรียนก็ไม่อยากให้ย้าย เพราะกลัวว่าจะเกิดการบลูลี่กัน แต่หลังจากนี้ตนจะขอคุยกับลูกอีกครั้งว่า อยากเรียนต่อที่นี่หรืออยากที่จะย้าย อยากให้เป็นความสบายใจของลูกมากที่สุด

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง