รวบ "สิบโท" หนีราชการ หลอกเหยื่อสาวผ่านแอปฯหาคู่ ก่อนกรรโชกทรัพย์
รวบ "สิบโท" หนีราชการ หลอกเหยื่อสาวผ่านแอปฯหาคู่ ก่อนกรรโชกทรัพย์
บุกจับ "สิบโท" หนีราชการ หลอกเหยื่อสาวผ่านแอปฯหาคู่ ก่อนลักทรัพย์-กรรโชกทรัพย์
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่หน้า กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี , พ.ต.อ.พันธุ์เพ็ชร เหล่ากำเหนิดเพชร ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี , พ.ต.ท.อรรถพล วงษ์ฤทธิวัลย์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมด้วย ตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี รวมกันแถลงข่าว ผลการจับกุม ส.ท.ศุภกร หรือ ฟิล์ม (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ชาว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ทหารบกหนีราชการ สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
โดยจับกุม ตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 24 ที่ 36/2567 ลงวันที่ 11 ต.ค.67 ในข้อหา "ลักทรัพย์และกรรโชกทรัพย์" พร้อมของกลางรถยนต์เก๋ง 1 คัน กับโน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง ซึ่งเป็นของ น.ส.หนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย ชาวอุดรธานี ที่ถูกผู้ต้องหาขโมยเอาไปจากห้องพัก ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยจับกุมตัวได้ในหอพักแห่หนึ่งในตัว อ.เมือง จ.สกลนคร ขณะนั่งกำลังนั่งแชตกับเหยื่อหญิงสาวรายใหม่ในแอปฯหาคู่และรายอื่นๆ ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี
พ.ต.อ.ฉกาจน์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.หนึ่ง ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ว่าถูก ส.ท.ศุภกร ที่รู้จักกันผ่านทางแอปฯหาคู่ Omi ช่วงต้นเดือน ต.ค.67 ก่อนแชตคุยกันผ่านทาง Instagram เนื่องจาก ผู้ต้องหามีอาชีพที่มั่นคง
หลังจากนั้น ส.ท.ศุภกร ได้ขอผู้สียหายมาพักในหอพักใน จ.อุดรธานี กระทั่งวันที่ 13 ต.ค.67 ออกไปทำงาน ผู้ต้องหาได้ขโมยรถยนต์เก๋งกับโน๊ตบุ๊กหลบหนีไป เมื่อผู้เสียหายติดต่อไป ก็ถูกข่มขู่ว่าจะลบข้อมูลสำคัญในโน๊ตบุ๊กออก หากไม่โอนเงินให้
ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี ได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นทหารอยู่ในสังกัดแห่งหนึ่งจริง แต่ถูกต้นสังกัดจำหน่ายว่า "หนีราชการ" ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.67 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี จึงยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับ ต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 24 เข้าจับกุมตัว และพบข้อมูลมีเหยื่อสาวอายุระหว่าง 20-30 ปี แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ในแผนประทุษกรรมที่คล้ายกันมากว่า 10 คดี ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี และยังพบว่า มีหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 21 ที่ 80/2567 ลงวันที่ 7 ต.ค.67 ในข้อหา "ยักยอกทรัพย์" อีกด้วย
จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหา ที่ใช้ก่อเหตุ พบว่า ผู้ต้องหาใช้แอปฯหาคู่ Omi และ Tinder ในการหาเหยื่อ และพบว่า บัญชีเฟซบุ๊กที่ล็อกอินไว้ในเครื่องอีก 8 บัญชี ที่ไว้ใช้หลอกเหยื่อเพื่อกรรโชกทรัพย์หลังจากคบหากัน เพื่อรีดเอาทรัพย์หรือกรรโชกทรัพย์จากเหยื่อ โดยที่บ้านพักผู้ต้องหาได้แอบติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ในห้องนอนภายในบ้านพัก แล้วสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอม ที่เปิดไว้หลายบัญชี ทักไปหาเหยื่อและคนรู้จักเหยื่อ พร้อมส่งคลิปข่มขู่เอาเงินจากเหยื่อ
ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง ส่วนทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุ จะนำไปลงทุนเทรดหุ้น Forex (ทองคำ) หลังไปกู้เงินจากธนาคารไปลงทุนแล้วขาดทุนไปประมาณ 1 ล้านบาท จึงทำให้เข้าสู่วงการอาชญากร ตระเวนหลอกเหยื่อสาวไปเรื่อยๆ เพื่อนำเงินไปลงทุนเทรดหุ้นทองคำต่อ ก่อนจะมาถูกตำรวจติตามจับกุมตัวพร้อมของกลางที่หลอกเหยื่อมาใช้
หากมีผู้ใดได้รับความเสียหาย จากคนร้ายในลักษณะเดียวกัน สามารถประสานข้อมูล เพื่อใช้ประกอบการดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้เพิ่มเติม ซึ่งถือว่า "เป็นภัยต่อประชาชนทั่วไป" โดยเฉพาะหญิงสาว ทาง กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี จะได้รวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป